Friday, May 15, 2009

ชวนคิดเรื่อง "คนเคยสวย และ คนเคยหล่อ"

ชวนคิดเรื่อง "คนเคยสวย และ คนเคยหล่อ"
โพสต์โดย : piangdin
ID # 785590 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-19 19:45:57 _ ปิดข้อความ แก้ไข


สวัสดีครับ ทุกท่าน วันนี้ขอชวนคิดเรื่องเบา ๆ แต่อาจจะไม่เกี่ยวกับคนน้ำหนักน้อยเท่าไหร่
ถือว่าเป็นกับแกล้มการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนะครับ
แปะกระทู้ไว้แล้ว ผมก็ต้องขอตัวครับ มีธุระส่วนตัวครับ

เรื่องหน้าตาของคนเรานี่มีเรื่องให้น่าคิดอยู่หลายประการนะครับ วันนี้จะขอชวนคิดเรื่องรูปร่างหน้าตาซะหน่อยครับ

ตามหลักสากลแล้ว มีกฎหมายและวัฒนธรรมในประเทศพัฒนาแล้ว ที่เน้นให้ไม่มีการเลือกปฎิบัติต่อเพื่อนมนุษย์บนรากฐานของเพศ ศาสนา ฐานะ เชื้อชาติ อายุ และลักษณะส่วนตัวที่ไม่ใช่คุณงามความดี คุณสมบัติหรือความสามารถเฉพาะตัวของบุคคล ซึ่งแน่นอนว่าต้องรวมทั้งรูปร่างหน้าตาด้วย โดยเราไม่ควรเลือกปฎิบัติไม่ว่าจะเป็นแง่การพูดจา การให้บริการ การบังคับใช้กฎระเบียบ การให้อภิสิทธิ์ หรือการจ้างงาน เหล่านี้ ในบางเรื่องเขาตราเป็นกฎหมายไว้ด้วยซ้ำว่า เราต้องไม่เอาสิ่งเหล่านี้มาเกี่ยวข้อง หมายถึงว่าเราต้องไม่ตัดสินคนและเลือกปฎิบัติกับเขาจากสิ่งที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวเหล่านี้นั่นเอง ดังนั้น การจะพูดเรื่องรูปร่างหน้าตาครั้งนี้ ผมต้องออกตัวก่อนนะครับ ว่าผมเองก็เห็นด้วยกับอารยะวิถีอันนี้ เพราะคนเรา จะยากดี มีจน ชายหญิง นับถือศาสนาใด อายุเท่าใด สวยหล่อหรือขี้เหร่ หรือสูงต่ำดำขาวเพียงใดนั้น ก็เป็นคนเหมือนเรา มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เช่นเดียวกัน

เฉพาะเรื่องรูปร่างหน้าตานั้น ผมขอย้ำอีกทีว่า ผมเห็นด้วยตามหลักอารยะสากลว่า เราไม่ควรตัดสินคนจากรูปร่างหน้าตา โดยเฉพาะในแง่การปฏิบัติต่อกันในฐานะเพื่อนร่วมโลก แต่หากผมพูดแค่นี้ ผมก็พูดความจริงแค่ครึ่งเดียว ก็คือ ผมตอแหลนั่นแหละครับ ดังนั้น ผมจะพูดต่อถึงความจริงที่สังเกตุได้ นั่นคือ มนุษย์เราก้าวไม่พ้นเรื่องรูปร่างหน้าตาได้หรอก ไม่ว่าฝรั่ง แขก เกาหลี หรือไทย ก็ลองนึกง่าย ๆ ว่า ให้เลือกคนสองคนที่มีอะไรดีเท่ากันทุกอย่างแล้วมาสมัครงาน โดยคุณเป็นสัมภาษณ์ แล้วต่างกันแค่หน้าตาหรือรูปร่าง แล้วท่านจะเลือกใครล่ะ? คำตอบมันมักจะชัดอยู่แล้ว ว่าคนที่ดูดีกว่านั้น ย่อมได้เปรียบ เอาแค่นี้เราก็คงคิดได้ว่า เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีอคติ เอ้าไหน ๆ ก็พูดเรื่องอคติแล้ว ก็เลยไปถึงความเชื่อด้วยเลยนะ

คนโบราณท่านว่า หน้าตาคนเรานั้น มันบอกนิสัย ใจหนึ่งก็อยากเถียง แต่อีกใจหนึ่งก็อยากเชื่อ เอาเรื่องหน้าตาอย่างเดียวนะครับ หากคนที่มีนิสัยชอบดูถูกผู้อื่น ชอบคิดในทางลบ สีหน้าเขาก็จะชักไปตามนั้น เมื่อทำจนเป็นนิสัย เค้าหน้าหรือองค์ประกอบบนหน้าก็เป็นแบบนั้น มุมปากมันก็แบะหรือตก รอยย่นบนหน้ามันก็ปรากฎ ส่วนคนที่จิตใจดี มองโลกในแง่ดี มีจิตเมตตากรุณา หน้าตาก็ย่อมมีร่องรอยของสิ่งที่เป็นบวก รอยหยักบนหน้า ก็จะเป็นรอยหยักแห่งการยิ้ม มากกว่ารอยหยักของความโกรธเครียด แม้ว่าเราตัดสินหนังสือจากหน้าปกไม่ได้เสมอไป แต่เราก็คงจะหนีอิทธิพลการรับรู้ทางประสาทและการตอบสนองอัตโนมัติไม่ได้

คนโบราณท่านจึงพูดอะไรไว้จากการสรุปรวมตามสถิติ เช่นว่า ใครหน้าก้อคอสั้น ไว้ใจไม่ได้ คนปากบางจะใจแคบ ก็ว่ากันไป แต่จะจริงหรือไม่ ผมก็คิดว่าเราคงควรต้องพิจารณาไว้ แต่ต้องดูจากการกระทำก่อนตัดสินใคร และตัดสินให้ยุติธรรม อยู่บนพื้นฐานของหลักฐานที่มากพอด้วย และที่สำคัญ เราต้องมองทุกคนว่าเป็นคนเหมือน ๆ กัน มีเลือดเนื้อ มีความรุู้สึก มีดีมีเลวเป็นสิ่งประกอบด้วยกันทั้งนั้น

และที่น่าสนใจอย่างยิ่งเกียวเนื่องด้วยเรื่องนี้อีกสิ่งหนึ่งที่เรามักสังเกตุเห็นก็คือ บางคนเป็นเด็กเคยสวย แต่พอโตขึ้นกลายเป็นขี้เหร่ บางคนยามเด็กขี้เหร่เป็นลูกเป็ด แต่พอโตขึ้นกลับสวย เช่นเดียวกันกับคนหล่อ เรื่องหน้าตาก็คงต้องเอาไปโยงกับรูปร่างด้วย เพราะมันมักจะไปด้วยกัน ดังนั้น ผมว่าหน้าตาและรูปร่าง นั้น น่าจะบ่งบอกถึงนิสัยและบาปบุญแห่งกรรมด้วย โดยเฉพาะคนที่แก่แล้วนะครับ เพราะรูปร่างและร่องรอยบนเรือนหน้านั้น จะเป็นเหมือนแบบพิมพ์ของกรรมที่ผ่านมาครับ

คนบางคนที่ผมเห็น คือ คนใกล้ตัวผมหลายท่าน แก่แล้วดูดี ดูใจดี ดูสงบ ดูมีสันติสุข สง่างาม ฝ่ายหญิงก็สวยสมวัย ฝ่ายชายก็เปล่งปลั่งด้วยไอแห่งธรรมที่อาบทั้งกายและใจ ผมโชคดีที่คนเหล่านี้ รวมเอาคนที่เป็นพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ของผมเอง นอกจากนี้กีมีคนที่ผมเคารพรักใคร่อื่น ๆ อีกหลายท่าน และทุกท่าน เป็นคนดี มีศีลธรรมทั้งนั้น บางทีมันก็แปลกนะครับ คนบางคนนอกจากจะสวยแล้ว ยังเก่ง ดี และน่ารักใคร่ไปหมด แต่คนบางคนเกิดมากายก็ไม่สวย แล้วใจก็ไม่สวยไปด้วย ยิ่งแก่ก็ยิ่งเห็นชัด แต่สูตรทั้งมวลนี้มันไม่จริงเสมอไป เพราะบ่อยครั้ง เราเจอะคนสวยใจดำ หรือคนดำใจดีด้วยเหมือนกัน

ประเด็นทั้งที่แน่ใจและสงสัยที่ว่ามานี้ มันไม่คาใจผมบ้าง แต่ไม่เท่ากับกรณีคนที่เคยสวย เคยหล่อ ในวัยหนุ่มสาว บางคนอยู่ในที่สูง แวดวงไฮโซ มืทรัพย์สินศฤงคารมากมาย แต่กลับกลายเป็นคนที่แก่ไปพร้อมกับความเสื่อมทางรูปลักษณ์อย่างชัดเจน หากสมมุติฐานที่ว่า คนเรานั้นรูปร่างหน้าตา จะเป็นเหมือนผลของการพิมพ์บาปบุญที่ทำ ผมก็อดสงสัยและนึกไปไม่ได้ว่า

คนที่หน้าตาเศร้าโศกอมทุกข์ นั้น ได้ก่อความทุกข์ให้คนอื่นมากมายหรือเปล่า?

คนที่อ้วนแบบพุพอง จากที่เคยมีหุ่นนางฟ้าชวนฝัน เป็นนางผีเสื้อสมุทรนั้น เพราะโลภกินโลภอยากได้ของคนอื่นจนเกินเหตุหรือเปล่า?

คนที่เคยหน้าตาสะสวย แต่กลายเป็นหยีหยักดังยักษีนั้น เป็นเพราะเป็นคนขี้อิจฉาริษยาหรือเปล่า?

และคนที่หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวเวลาแก่ เป็นผลของการโลภหลงของต่ำ ติดของมัวเมาหรือไม่?

หากสิ่งที่คิด ๆ เล่น ๆ นี้ มันเป็นความจริง เป็นทฤษฎีที่น่าเชื่อถือได้บ้าง จึงน่าจะให้ข้อคิดได้ว่า

คนเราหากรักจะมาดีไปดียามแก่ชราลาโลก ก็ควรทำตัวให้ดี ล้างกายชำระใจให้สม่ำเสมอ
เพื่อจะได้แก่ไปพร้อมกับความงามของจิตใจและความผ่องใสของวรรณะ

เราจึงไม่ควรก่อบาปกรรมอันหนักหนากับผู้อื่น อย่าโลภมาก อย่าขี้อิจฉาริษยา และอย่าหลงมัวเมาในอำนาจบาตรต่ำ

และหากก่อกรรมไม่ดีพวกนี้ไว้มาก เขาลือกันว่า เวลาตายศพมักจะไม่สวย และจะไปแบบไม่สงบ...

คนบางคนมามืด ไปมืด อันนี้น่าสงสาร
คนบางคนมามืด แต่ไปสว่าง นี่ก็น่ายินดีด้วย
แต่คนบางคน มาสว่าง แต่กลับหาเรื่องจะไปแบบมืด ๆ เสียนี่ มันน่าเศร้าจริง ๆ

ว่าแล้วก็ขอตัวไปอาบน้ำหวีผม
แล้วก็หวีชีวิตสักหน่อยครับ จะได้ไม่หมักหมมด้วยกิเลสตัณหา

ใครที่เคยสวย แล้วตอนนี้ไม่สวย เคยหล่อแต่ไม่หล่อ จะมาขอลิขสิทธิ์น่ะ ไม่ต้องมาขอนะครับ
เอาไปใช้ได้เลย เพราะผมเองก็ไม่ชอบดูหน้าตาใครที่ต้องเห็นบ่อย ๆ รอบตัว ที่อมทุกข์หรือน่ากลัวเหมือน
นางผีเสื้อสมุทรหรอกครับ มันสลดใจน่ะครับ...

ขอให้ทุก ๆ ท่าน จงสวยและหล่อสมวัยโดยทั่วกันนะครับ




โพสต์โดย : generalwill
ID # 1651258 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-19 19:57:54 _ ปิดข้อความ


คนแก่ที่ไม่ยอมแก่ ไปทำให้หนุ่มขึ้นสาวขึ้น ให้ดูอายุน้อยลง

สามารถแปลความได้ว่า

1. หลอกตนเองได้
2. หลอกคนอื่นได้
3. เป็นทุกข์กับความเปลี่ยนแปลงในทางที่เสื่อมลง

ดังนั้น หากใครจะทำให้เขาต้องเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เสื่อมลง เช่น แก่ลง หล่อน้อยลง สวยน้อยลง จนลง อำนาจลดลง ความนิยมลดลง ฯลฯ

เขาจะไม่ยอม จะต้องสู้ ดัดแปลงสถานการณ์ โดยทุกวิถีทาง

แม้จะหลอกตนเอง และหลอกคนทั้งโลก ก็ทำได้


ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงได้สอนให้ตระหนักใน "ไตรลักษณ์" ว่า

ทุกสิ่งล้วนมีลักษณะสามประการ คือ
1. เป็นอนิจจัง คือ ไม่เที่ยงแท้ ไม่จีรัง มีการเปลี่ยนไปตามสภาวะ คือ มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
2. เป็นทุกขัง หรือ เป็นทุกข์ คือ ความไม่เที่ยง ไม่จีรัง มักก่อให้เกิดความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ เป็นวิตก กังวล ไม่เป็นสุข
3. เป็นอนัตตา คือ สิ่งต่าง ๆ แม้กระทั่งร่างกายเรา ก็ไม่ใช่ของของเรา

พระองค์จึงสอนให้ไม่ยึดมั่นถือมั่น ให้ปล่อยวาง พร้อมสละทุกข์อย่าง แม้แต่รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาน ถ้าสละได้หมดไม่ยึดมั่นก็ดีเลิศ

ให้ยึดมั่นอยู่ที่ธรรมะอย่างเหนียวแน่น เมื่อตายไปก็จะตายอย่างสงบ คนที่อยู่ข้างหลังก็จะอยู่อย่างสงบเช่นกัน


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2009-03-19 20:07:22




โพสต์โดย : White Hawk
ID # 1651289 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-19 20:08:32 _ ปิดข้อความ


กระทู้นี้ ผม no comment นะ คุณpiangdin เพราะ ผมหล่อทั้งในอดีต

ปัจจุบัน และ อนาคต(หมั่นไส้ตัวเอง อิอิ)




โพสต์โดย : รักเสรีประชาธิปไตย
ID # 1651325 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-19 20:24:22 _ ปิดข้อความ


ชอบข้อความนี้ครับ


คนเราหากรักจะมาดีไปดียามแก่ชราลาโลก ก็ควรทำตัวให้ดี ล้างกายชำระใจให้สม่ำเสมอ
เพื่อจะได้แก่ไปพร้อมกับความงามของจิตใจและความผ่องใสของวรรณะ

เราจึงไม่ควรก่อบาปกรรมอันหนักหนากับผู้อื่น อย่าโลภมาก อย่าขี้อิจฉาริษยา และอย่าหลงมัวเมาในอำนาจบาตรต่ำ(ควรเป็นอำนาจบาตรใหญ่หรือใฝ่ต่ำ)

และหากก่อกรรมไม่ดีพวกนี้ไว้มาก เขาลือกันว่า เวลาตายศพมักจะไม่สวย และจะไปแบบไม่สงบ...

ผมคิดว่าคุณเพียงดินต้องการจะเปรยถึงคนบางคนแน่นอน
แต่ระบุตรงไปตรงมาไม่ได้เท่านั้น ผมก็มีความคิดเห็นคล้ายคลึงกัน

แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2009-03-19 20:25:21




โพสต์โดย : payai97
ID # 1651359 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-19 20:41:12 _ ปิดข้อความ


มีคำตอบอยู่ในใจแล้ว




โพสต์โดย : the saint
ID # 1651364 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-19 20:42:41 _ ปิดข้อความ


เหมือนกับว่า ถูกฟ้าดินลงโทษอย่างนั้นแหละ
จากเหมือนดั่งเทวดา กลายเป็นเหมือนดั่งปีศาจ !!




โพสต์โดย : The Kingdom
ID # 1651370 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-19 20:44:22 _ ปิดข้อความ


สวัสดีครับคุณเพียงดินและคุณรักเสรีฯ
วันนี้ดูจะเปลี่ยนแนวมาแบบนุ่มนวลนะครับ ผมคงไม่ขอเพิ่มเติมอะไรนอกจากสนับสนุนให้เรามายิ้มให้กันทุกวันแบบคนปกติดีกว่าครับ คนไม่เคยยิ้ม (man never smile) ท่านว่าก็เหมือนอมความทุกข์ไว้ไม่ยอมปล่อยวาง ขอให้มีความสุขกับการต่อสู้ทั้งสองท่านครับ
ขอบคุณครับ




โพสต์โดย : ลิเกหลังม่าน
ID # 1651371 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-19 20:44:55 _ ปิดข้อความ


ขอบพระคุณจริงๆครับ..khun piangdin..ที่นำความคิดเห็นที่ผ่านการกลั่นกรองและตกผลึกได้ขนาดนี้มาแบ่งปัน..

ผมไม่รู้ว่าจะ..เม้นท์จะเสริมยังไงดี..(ด้วยความครบถ้วนของเนื้อหาสาระที่มีอยู่แล้ว)..

ผมขอชื่นชมด้วยความจริงใจ..

และ..ถ้า..ผมทำได้..ผมจะไปแบบสว่างครับ..

ผมหันหน้าเข้าวัดอยู่เสมอ..แต่เท้าเจ้ากรรมพาผมเดินถอยหลังอยู่ตลอดเวลา...

ไม่รู้ว่าถ้าผมเปลี่ยนใจหันหลังให้วัด..เท้าเจ้ากรรมของผมจะพาผมเดินหน้าสู่นรกหรือเปล่า...




โพสต์โดย : มณีนัยนาเดียว
ID # 1651425 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-19 21:11:57 _ ปิดข้อความ


ผี

ฟ้า

เอย




โพสต์โดย : otosan
ID # 1651428 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-19 21:12:16 _ ปิดข้อความ


ทำกรรม ทำเวรไว้มาก เจ้ากรรมนายเวรก็เลยมารอ อยู่กันเต็มไปหมด ยังไม่รู้จักทำดี ทำบุญ ไถ่บาป อย่างน้อยจากหนัก ก็จะเป็นเบา หรือว่ามองไม่เห็นก็ไม่รู้ เฮ้อ อนิจจัง!

แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2009-03-19 21:14:38




โพสต์โดย : ดวงจำปา
ID # 1651443 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-19 21:19:08 _ ปิดข้อความ


แนวนี้ก็ดีค่ะคุณเพียงดิน ได้ทั้งเนื้อหาสาระ ข้อคิด
และความสะใจแบบเคยๆ ที่เปลี่ยนไปคือ ฮาดี
รับรองได้อ่านแบบนี้ทุกวัน ...ไม่รู้จักความหมายของคำว่าแก่




โพสต์โดย : กำนัน
ID # 1651451 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-19 21:26:42 _ ปิดข้อความ


บางคนเคยหล่อแต่ตอนนี้กลับมาสวยอ่ะ...เอิกเอิก




โพสต์โดย : ดาวราย
ID # 1651454 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-19 21:27:24 _ ปิดข้อความ


เท่าที่สังเกตคนใกล้ๆๆตัว ญาติพี่น้อง จะเป็นแบบคุณเพียงดินกล่าว คือเป็นคนที่จิตเจ้าคิดเจ้าแค้น ตลอดเวลา ใบหน้าจึงอมทุกข์ น่าเวทนา แม้ตอนหลับ ใบหน้าก็สะท้อนคุณภาพของจิตใจ เรียกว่า นิสัยของจิตมันสร้างรูปแบบให้ปรากฏ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ บางครั้งนึกอยากยื่นกระจกให้ส่อง แต่เกรงจะย้ำพฤติกรรมจิตในทางโกรธเพิ่มอีก จึงต้องปล่อยไปตามกรรมของเขา เขาทำตัวเอง ใครๆชี้แนะให้มองตนเองบ้าง ไม่มีเชื่อ โกรธตอบ แถมบริภาษพึมพำๆ เสียอีก

นี้เป็นเรื่องจริงที่กำลังสัมผัสอยู่ เจ้าตัวเป็นญาติใกล้ชิด แต่ช่วยอะไรไม่ได้ จริงๆ ต้องปล่อยวาง บางครั้งนึกอยากหนีไปให้พ้น ๆ แต่ก็เวทนาด้วยความเป็นญาติที่ใกล้ชิดกัน จึงทิ้งไปได้ยาก

ข้อเขียนของคุณเพียงดินจึงสะดุดใจมาก เลยได้ระบายยยย ได้หน่อย ขอบคุณค่ะ




โพสต์โดย : piangdin
ID # 1651624 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-19 22:51:01 _ ปิดข้อความ แก้ไข


สวัสดีครับ พี่ ๆ น้อง ๆ ทุกท่าน กระทู้นี้ได้อ่านคำตอบแต่ละคำตอบ
บางทีก็เล่นเอาผมอมยิ้มแก้มป่อง บางทีก็ต้องปล่อยก๊ากออกมา

เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างนี้ หวังว่าจะทำให้คนเคยสวย หรือคนเคยหล่อ
ได้กลับมาคิดและปรับพฤติกรรม แต่แหม คนมันแก่แล้วนี่มันก็คง
แก้นิสัยยากตามไปด้วย อย่างมาร์คเนี่ย ยิ่งพูด ยิ่งทำให้เราเห็นหน้า
เห็นความคิด ผมมองหน้าที่เขาว่าหล่อ ๆ ของอภิสิทธิ์ เป็นคนหน้าก้อ
แถมมีความไม่ลงตัวของฟันและรูปลักษณ์ขององค์ประกอบบนหน้าด้วย
รอยยิ้มก็ไม่เคยเป็นรอยยิ้มที่ใส ชวนชื่น หรือจริงใจเอาเสียเลย

ลงจากอำนาจเสีย คืนอำนาจให้ประชาชนเสีย
จะได้ยิ้มพิมพ์ใจ และหล่อถูกใจประชาชนได้บ้าง

ขอให้ทุก ๆ ท่านที่มาอ่านและแวะตอบ จงสวยสมวัย หล่อกระชากวัย
และเป็นคนที่ใครเห็นหน้าแล้วเกิดความอบอุ่นสบายใจ
และเห็นหุ่นแล้วอยากวิ่งเข้าไปกอด... อิ๊ก ๆ... ด้วยความเคารพและรัก ฮิ ๆ





โพสต์โดย : sunflower
ID # 1651637 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-19 22:55:28 _ ปิดข้อความ


อ่านจบแล้วก็ให้รู้สึกสบายใจเป็นอย่างยิ่ง
เพราะคุณสมบัติในด้านดีๆ ที่คุณ เพียงดินเขียนไว้
มีอยู่ในตัวทานตะวันซะเป็นส่วนมาก (อิ อิ ขอเข้าข้างตัวเองนิส )
ตอนอายุสามสิบต้นๆเคยคิดว่าถ้าอายุสี่สิบจะแก่จะหย่อนยานมากมั๊ย
รู้สึกรับไม่ได้กับความแก่ของตัวเอง แต่พอย่างเข้าสู่วัยสี่สิบจริงๆ
กลับไม่รู้สึกอย่างที่เคยเป็นกังวล เพราะทุกอย่างมันอยู่ที่ใจ
อยู่กับความเป็นจริงและความเป็นไปของโลก มองโลกในแง่ดีมากกว่าแง่ร้าย
แค่นี้ก็ทำให้ตัวเองอยู่บนโลกนี้อย่างมีความสุขและมันก็จะส่งผลมาถีงหน้าตา
ของเราด้วย ( เพราะเป็นคนอารมณ์ดี ไม่ทำหน้ายักษ์ใส่ใคร หน้าตาก็เลยดูสดใส คนรอบข้างเราก็จะรู้สึกดีไปด้วย )





โพสต์โดย : piangdin
ID # 1651664 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-19 23:03:23 _ ปิดข้อความ แก้ไข


ดีใจด้วยครับ คุณsunflower
ถือเป็นโชคดีครับ ทั้งของคุณเอง ที่คงจะมีทั้งร่างกายและจิตใจที่
คนครองก็เป็นสุข คนอยู่ใกล้ก็พลอยสุข

ร่างกายก็จะแข็งแรง ไร้โรคภัยรุนแรง จิตใจก็เป็นสุขเช้าค่ำ
สงบนิ่งแม้ในยามเกิดปัญหา

การมีชีวิตอยู่ของคนเรานั้น แม้เราจะไม่ทำอะไรมากมาย
ไม่ต้องเป็นนักการเมืองที่ทำหน้าที่แทนใคร
แค่การอยู่อย่างเป็นสุข ก็พอเพียงที่จะทำให้โลกรอบตัวเราดีขึ้น สุขขึ้นได้





โพสต์โดย : สาวน้อยคลองรังสิต
ID # 1651853 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-20 00:37:12 _ ปิดข้อความ


โชคดีที่เราสวยมาตั้งแต่เกิด....และสวยมาตลอด...รอดตัวไป

เพิ่งทราบว่าท่านเพียงดินเป็นหมอดูโหงวเฮ้งด้วยนิ




โพสต์โดย : piangdin
ID # 1651904 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-20 01:36:12 _ ปิดข้อความ แก้ไข


ถ้าแค่อ่านออกว่า ใครสวย ใครไม่สวย ใครหล่อ ใครไม่หล่อ
ใครดูดี หรือดูไม่ดี น่ะพอทำได้ครับ คุณสาวน้อยคลองรังสิต
แต่หากจะเกินกว่านั้น ก็คงต้องเอาหลักการเดาน่ะแหละครับ

แต่ผมชอบอ่านคนนะครับ จากทุกอย่างที่สังเกตุเห็น
แม่นบ้างไม่แม่นบ้าง ซึ่งผมว่าทุกคนก็คงทำอยู่โดยอัตโนมัติแล้ว

ราตรีสวัสดิ์ครับ ประเทศไทย




โพสต์โดย : Solidarity
ID # 1652008 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-20 07:21:06 _ ปิดข้อความ



............................................................................

อยากหล่อสวย รวย ฉลาด ต้องทำกุศลให้ครบ 3 อย่างตามหลักพุทธศาสนา
1. ทาน ทำให้รวย
2. ศีล ทำให้หล่อ-สวย
3. ภาวนา ทำให้ฉลาด

ลองสำรวจตัวเองดูว่า คุณอยู่ในกลุ่มใด บกพร่องหรือขาดส่วนไหนไปบ้าง เช่น
1. หล่อ-สวย รวย ฉลาด (อันนี้ถือว่าดีสุดๆ)
2. หล่อ-สวย รวย แต่โง่
3. หล่อ-สวย ไม่รวย แต่ฉลาด
4. หล่อ-สวย ไม่รวย แล้วก็โง่ด้วย
5. ไม่หล่อ-ไม่สวย แต่ทั้งรวยทั้งฉลาด
6. ไม่หล่อ-ไม่สวย รวย แต่โง่
7. ไม่หล่อ-ไม่สวย ไม่รวย แต่ฉลาด
8. ไม่หล่อ-ไม่สวย ทั้งไม่รวยและทั้งโง่ด้วย (อันนี้ถือว่าแย่สุดๆ)

.............................................................................




โพสต์โดย : alisa aaa
ID # 1652010 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-20 07:22:32 _ ปิดข้อความ


This is a very good comment, thank you for sharing...

Just want to add that a person's appearance does not count what really counts is their heart inside of them and their personality, what they feel and think will reflect on their face, if their thinking is always positive towards people around them, they will feel happy and look good at all time...what they said and how they said it may reveal who they are.

I think I am pretty and all I need is a friendly smile....

Thank you Mr. Piangdin...





โพสต์โดย : piangdin
ID # 1652107 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-20 08:44:47 _ ปิดข้อความ แก้ไข


An interesting scheme, Khun Solidarity.

Hola, Khun AAA!
Let's keep smiling and keep shining, knowing that we can always
count on the karma law.

No comments:

Post a Comment