Saturday, May 2, 2015

ทางออกประเทศไทย คือกุญแจที่อยู่ในมือ "มดแดงล้มช้าง"

ทางออกประเทศไทย คือกุญแจที่อยู่ในมือ "มดแดงล้มช้าง"
เมื่อสี่ปีกว่า ๆ ที่ผ่านมา ผมได้คิดทฤษฎีที่จะช่วยอธิบายปรากฏการณ์การต่อสู้ของฝ่ายประชาธิปไตย แล้วก็เกิดวลี มดแดงล้มช้าง  เพื่อหาทางปลุกใจให้ประชาชนลุกขึ้นมาสู้ด้วยตัวเอง  วันนี้เหตุผลที่ประชาชนต้องสู้เอง ได้ปรากฏชัดเจนสมบูรณ์แล้ว

  • ดร.ทักษิณและตระกูลชินวัตร ถูกเจ้ากดหัวไว้เกือบสนิทแล้ว (แต่...อิ ๆ คนอย่างดร.ทักษิณ หมอบราบจริง)
  • พรรคเพื่อไทยไม่แตกก็เหมือนแตก  นักการเมืองที่มีบารมีก็เหมือนลูกไก่ในกำมือเผด็จการ
  • แกนนำนปช. เปลี่ยนจากผู้ชี้นิ้วบงการแทนประชาชน เป็นผู้อ้อนวอนและขอเมตตาจากผู้เข่นฆ่าคนเสื้อแดง และปล้นอำนาจอธิปไตยของคนทั้งชาติไปครองอย่างย่ามใจ
  • เครือข่ายของเจ้าเข้มแข็ง ยิ่งใหญ่และมุ่งมั่นจะล้มล้าง ระบอบประชาธิปไตย โดยอ้างว่า ต้องทำลายระบอบทักษิณที่ชั่วร้าย อย่างไม่ลดละ   แถมมีพลังทำลายล้างแบบครบวงจร ยากที่ใครคนใดคนหนึ่ง จะลุกขึ้นมานำทัพแบบชัดเจนได้ (อันที่จริง เมื่อทักษิณไม่สามารถทำได้แล้ว ที่เหลือก็จะอ่อนพลัง หรือกระจัดกระจาย ต้องใช้เวลาสะสมบารมีและกำลังพอสมควร)
  • การต่อสู้ในประเทศไทย ไม่ใช่ระหว่างคนสองตระกูล หรือแค่ทุนศักดินาและเครือข่าย กับ ทุนใหม่ เท่านั้น แต่ได้พัฒนาให้เห็นว่า เป็นสงครามชนชั้นระหว่างกลุ่มศักดินาและทุน กับ ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ  วันนี้ เป็นการเผชิญหน้ากันอย่างชัดเจนแบบไม่ต้องปิดบัง ระหว่างสองชนชั้น 
และแน่นอนว่า เมื่อสงครามชัดเจนแล้ว และในสภาพที่เผด็จการสำแดงอำนาจเผด็จการของพวกเขาเต็มที่ ประชาชนจะต้องถูกแบ่งแยก ข่มขู่ กดทับ ขูดรีด และทำให้ไม่สามารถรวมตัวกันได้ง่าย ๆ อย่างถึงที่สุด ดังนั้น จึงเป็นความจำเป็นที่ประชาชนจะต้องหาทางสู้ โดยประชาชนแต่ละคนที่มีจิตสำนึกต่อต้านการครอบงำของเผด็จการต้องร่วมรับผิดชอบอย่างแท้จริง ด้วยการ

  • ไม่นิ่งเฉย 
  • ไม่หยุดการรับข่าวสารใหม่ และเรียนรู้
  • ไม่กลัว 
  • ไม่ท้อ 
  • ไม่หลบหนี 
  • ไม่ทำลายกันเอง คือ ไม่หลงเกม ตกเป็นเครื่องมือของเผด็จการที่ต้องการสลายพลังประชาชน 
  • ไม่หยุดที่จะหาทางต่อรอง ต่อต้าน ต่อสู้ และโจมตี เพื่อทำลายความชอบธรรม (จอมปลอม) ของเผด็จการ ด้วยวิธีการที่ชาญฉลาด
  • ไม่หยุดการสานเครือข่าย ขยายความรู้ ประสานความร่วมมือ และเตรียมการลุกฮือ เพื่อล้มช้างในวันนัดหมาย
  • ไม่งอมืองอเท้าให้ใครมาอ้างการนำ โดยประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมวางกรอบและใส่รายละเอียดของเป้าหมาย วิธีการต่อสู้ และการสร้างอนาคตที่ถาวร
  • ไม่หยุดการพัฒนาวิธีการต่อสู้ และยกระดับให้สูงและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในการไม่ยอมรับ ไม่ยอมให้ปกครอง และไม่ยอมให้ปกครองต่อ แล้วนำไปสู่การยึดอำนาจมาเป็นของประชาชน เพื่อสร้างชาติใหม่
สรุปสาระสำคัญที่สุด อันเป็นความจริงที่ประจักษ์ต่อหน้าเราทุกคนก็คือ เราจะต้องเลิกเล่นบทผู้ดู หรือผู้อยู่นิ่งเฉย ไม่รับรู้ ไม่รับผิดชอบ และไม่ลงมือทำอย่างจริงจัง แล้วต้องถือเป็นภารกิจส่วนตัวที่จะต้องทำสิ่งต่าง ๆ ให้ดีที่สุดเท่าที่ตนเองจะทำได้ แล้วขณะเดียวกัน ก็ยื่นมือออกไปประสานกับเพื่อนพ้องน้องพี่รอบตัว ที่เข้าใจปัญหาบ้านเมืองตรงกัน และอยากจะมีส่วนช่วยกันแก้ไข...

ไม่มีใครอื่นที่จะรับหน้าช่วยเหลือแล้วทำให้สำเร็จ เป็นพระเอกขี่ม้าขาวดอก มองในกระจก ที่คุณเห็นนั่นแหละ ที่เป็นพระเอกและนางเอก ที่แท้จริง  หากคนที่ท่านเห็นในกระจก ไม่ทำอะไรเลย หรือทำอะไรที่ไม่มีผลที่จะสานไปสู่ผลคืบหน้าในภารกิจใหญ่ของการปฏิวัติประเทศเลย เราก็จะไม่มีทางสู่ชัยชนะได้อย่างแท้จริง ...

ลุกมาเป็นนักปฏิวัติ เอาชนะสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง กู้ชาติ และสร้างบ้านแปงเมืองใหม่กันเถิด เพื่ออนาคตที่ดีกว่าในยุคพวกเรา และเพื่อลูกหลานเหลนของพวกเราในระยะยาวสืบไปชั่วนานแสนนาน








Sunday, May 23, 2010

Facebook | Giles Ji Ungpakorn: ก้าวต่อไปสำหรับเสื้อแดง

Facebook | Giles Ji Ungpakorn: ก้าวต่อไปสำหรับเสื้อแดง

ก้าวต่อไปสำหรับคนเสื้อแดง โดยอาจารย์ใจ

ก้าวต่อไปสำหรับเสื้อแดงShare. Today at 6:41am
ก้าวต่อไปสำหรับเสื้อแดง
โดย Horriblethailand
http://horriblethailand.wordpress.com/

เรื่องเร่งด่วนเรื่องหนึ่งที่จะต้องทำควบคู่ กับ การรวมรวมรายชื่อผู้สูญหาย ที่พวกเราควรให้ความสนใจคือ เรื่อง นักโทษทางการเมือง เพราะตอนนี้มีการไล่ล่าอย่างบ้าเลือดจากฝ่ายอำมาตย์ต่อ คนเสื้อแดง ทั้งที่เป็นสมาชิกและดูแล้วเข้าข่ายการเป็นคนเสื้อแดง
1. รวบรวมชื่อคนที่ถูกคุมขัง รวมถึงแกนนำ นปช. แกนนำเสื้อแดงในชุมชนต่างๆ เสื้อแดงธรรมดาที่ถูกจับ ถูกขัง เพื่อจะเอารายชื่อเหล่านี้ มารณรงค์ให้มีการปล่อยนักโทษการเมืองไม่ว่าจะด้วยข้อหาอะไร เช่น ผู้ก่อการร้าย ล้มเจ้าฯ ปิดถนน เผาตึก ฯลฯ ทุกคนเป็นนักโทษการเมืองหมดไม่มีข้อยกเว้น ภาระกิจหลักชิ้นแรกของคนเสื้อแดงหลังจากถูกปราบ ถือว่าเป็นการช่วยฟื้นฟูเครือข่ายคนเสื้อแดง ด้วยกิจกรรมทางการเมืองของคนเสื้อแดง
2. การรณรงค์ คงจะเป็นการล่ารายชื่อเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น เพราะคนที่ก่อนเรื่องที่รัฐบาลทรราชและอำมาตย์เลว พวกเราต้องไปให้กำลังใจถ้าพี่น้องเราต้องขึ้นโรงขึ้นศาล
3. การชุมชนต่างๆ ตามพื้นที่ที่หลากหลาย ควรจะมีการจัดงานรำลึกวีระชน ต้องจัดให้มันเป็นงานทางการเมือง ควรจะมีเวทีสันจร ในย่านต่างๆ เช่น ในย่ายอุตสาหกรรม เช่น สมุทรปราการ นวนคร เพื่อที่จะหาทางรณรงค์ให้มีการนัดหยุดงานสนับสนุนการประท้วงของคนเสื้อแดงในอนาคต เพราะคนงานส่วนใหญ่ก็เป็นไพร่ทั้งนั้น ถ้ามีจัดเวทีในภาคอีสาน ภาคเหนือ ควรจะเรียกร้องให้มีการปิดร้านค้า หยุดการทำงาน ในตัวเมือง ในวันที่มีการจัดเวที ร้านไหนไม่ปิดก็ให้มันรู้ไปว่าเป็นเหลือง ไม่ต้องมากระมิดกระเมี้ยนกันแล้ว
การรับมือทางคารมกับพวกขี้ข้าอำมาตย์ เราจะต้องใช้ยุทธศาสตร์เถียงคำไม่ตกฟาก เอาให้ชนิดที่ ข้อกล่าวหา ของฝ่ายตรงข้ามมันทำงานไม่ได้ ต้องมีการยืนยันว่าคนที่กระทำความผิด คือ ฝ่ายทหาร พวกนั้นมันไม่มีสิทธิในการจับคนเสื้อแดง ถ้าทหารไม่เข้ามาปราบ และเข่นฆ่าเสื้อแดง มันก็จะไม่มีความวุ่นวายเกิดขึ้น อย่าลืมชี้หน้าด่าพวกอำมาตย์เรื่องสองมาตรฐาน
23-5-2010

Friday, January 29, 2010

หากต้องเกิดสงครามกลางเมืองหรือรัฐบาลพลัดถิ่น แสดงว่าพระพักตร์ขององค์ภูมิพลถูกตบอย่างแรงด้วยตีนของอำมาตย์

หากต้องเกิดสงครามกลางเมืองหรือรัฐบาลพลัดถิ่น แสดงว่าพระพักตร์ขององค์ภูมิพลถูกตบอย่างแรงด้วยตีนของอำมาตย์
ViewEdit
.Fri, 01/29/2010 - 00:04 | by piangdin | Vote to close topic

ผมเคยเล่าว่า เมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้ว สหายสตรีวัยดึกชาวออสเตรเลีย
ถามผมบนโต๊ะอาหารเย็นในคืนที่เกิดการฆ่าฟันประชาชนตอนพฤษภาทมิฬว่า

"Why does Bhumipol allow his people to be killed again?"
ผมยอมรับว่าอึ้งไปชั่วขณะ เพราะยามนั้น ไม่เคยคิดอะไรมากไปกว่าการรักพ่อของแผ่นดิน
และไม่เคยถูกถามอย่างนั้นมาก่อน

ผมตอบไปว่า โอว... เรื่องอย่างนี้มันไม่ใช่ง่าย มันมีหลายฝ่ายเกี่ยวข้อง
พระเจ้าอยู่หัวทรงไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง พระองค์ทรงเป็นกลาง
และในที่สุด หากเด็ก ๆ ทะเลาะกันไม่เลิก พระองค์ก็จะทรงไกล่เกลี่ย
ไม่กี่วันให้หลัง ภาพเด็กดื้อนามจำลอง และเด็กเห็นแก่ได้และตากึ่งบอดอย่างสุจินดา
ก็ไปกราบแทบพระบาทองค์ราชันย์ แล้วสันติสุขก็บังเกิดขึ้นอีกครั้ง
แหม๊... ผมได้ทีก็เลยย้ำกับคุณ Iris ว่า
"นั่นปะไร เห็นมะ เห็นมะ อ้อ...แล้วพระองค์ทรงทำอย่างอื่นเพื่อประชาชนมากมาย
ในยามคับขัน พระองค์นี่แหละ คือที่พึ่งสุดท้าย นี่ ๆ คุณลองดูโครงการในพระราชดำริสิ
มากมาย มากม๊าย...และมีคุณอนันต์ยิ่งกว่านักการเมืองหลายคนรวมกันทำ"

แต่มาวันนี้...

ไอ้เพียงดิน มันแก่และเก๋าชีวิตขึ้นเยอะ อะไรไม่เคยคิดก็ได้คิด
อะไรไม่เคยรู้ ก็ได้รู้ได้เห็น
อะไรที่ไม่เคยทำ ก็ได้ทำ
มันไม่ใช่ข้าแผ่นดินคนเดิม...

เปล่า... มันไม่ได้เกลียดและมุ่งร้ายต่อมหาราชา
เพราะไม่มีปัญญาและยังไม่เกิดอาการอาฆาตมาดร้ายใด ๆ
แต่หัวใจมันไม่มีคำว่าจงรักภักดีให้กับกษัตริย์หรือสถาบันกษัตริย์อีกต่อไปแล้ว
นี่พูดความจริงตรงนี้แหละ... ผมไม่จงรักภักดี มีปัญหามั๊ย
แต่ผมก็ยังเคารพท่านในฐานะคนแก่ ที่เคยทำความดีให้บ้านเมืองคนหนึ่ง

เอาล่ะ ที่ผมจั่วหัวกระทู้น่ะ
มันเกิดจากความรู้ที่สะสมมา ที่สรุปได้ว่า กษัตริย์และสถาบันฯ ได้ถูกดึงมาเล่นการเมือง
โดยมีตัวละครสำคัญ ๆ ที่ทั้งโยงใยกับสถาบันตามตำแหน่ง และกลุ่มผลประโยชน์ (รวมทั้งทหารด้วย)
ที่คอยเกาตีนเก้าอี้คนมีอำนาจ เพื่อฮั้วกันรวบกินในวงไม่กี่ตระกูล
และเมื่อตัวเดินเรื่องหลายตัวช่วยทำให้ละครเรื่องนี้คลายปม ไม่ว่าจะเป็น
สนธิ นักรัฐประหารรับจ้าง สนธิ นักเห่ารับจ้าง และนักการเมืองกะหรี่อีกมากมาย
วันนี้ ผมไม่ตาบอดอีกต่อไป ผมจึงเห็นว่า สถาบันเสื่อมอย่างสูงสุด
เพราะทุกสิ่งที่กล่าวมา รวมถึงบทบาทและท่าทีที่องค์ราชาเลือก
แต่อย่างไรก็ตาม ผมจะไม่โทษกษัตริย์ภูมิพล เพราะนอกจากจะทำไม่ได้แล้ว
ผมยังไม่อยากมองตัวบุคคลมากกว่าปัญหาเชิงโครงสร้าง

ทีนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นมาตลอดเกือบแปดสิบปี และสิ่งที่สามสี่ปีหลังนี้ได้เผยโฉม
มันชัดแล้วว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย
หลายคนมองว่ามันตรงกันข้าม โดยเฉพาะในสายตาต่างชาติ
อย่างน้อยที่สุด เขามองว่า อำมาตย์และกลุ่มภาคี ดึงสถาบันมาเล่นเกม
แย่งอำนาจและผลประโยชน์ และแน่นอนว่า หลายเสียงก็บอกตรง ๆ ว่า
"คิงบูมิบล" น่ะแหละ ตัวบงการ ซึ่งผมไม่ได้ว่าเองนะครับ เป็นเสียงจากสื่อ
ต่างชาติที่กล้าบ่งชี้

จุดจบของปัญหาที่ว่ามา ยังต้องลุ้นกันต่อ ว่าจะสมานฉันท์
แล้วคืนอำนาจให้ประชาชน หรือจะยืดยื้อ ฆาตกรรมแย่งชิงกันต่อไป
ภาพที่ไม่ดีอยู่แล้วในสายตาต่างชาติ ตอนนี้จึงอยู่ใกล้จุดเสื่อมสูงสุด
เพราะอำมาตย์และภาคี มันไม่ยอม และสถาบันฯ ดูเหมือนจะยังไม่ตัดสินใจชัด
ว่าจะกดอำมาตย์และภาคีให้ถอยออกไป แล้วให้ประชาชนที่พร้อมรับเสรีประชาธิปไตยได้ใช้อำนาจ
ของพวกเขาอย่างจริงจังเสียที

แต่ความหวังอันริบหรี่นี้ เป็นไปได้ยากมากจริง ๆ เพราะกระแสสุรเสียงจากในวัง
มันแผ่วและคลุมเครือเหลือเกิน

ดังนั้น หากเกิดการรัฐประหารแล้วองค์ภูมิพลลงพระปรมาภิไธยรับรองอีก
ก็ต้องถือว่าเน่าพอแล้ว แต่หากเกิดรัฐบาลพลัดถิ่นขึ้นมา
รัฐบาลนี้ จะเป็นรัฐบาลใต้ร่มฉัตรหรือไม่ และประชาชนจะยืนข้างไหน
นี่เป็นเรื่องที่เลวระยำที่สุดต่อภาพลักษณ์ของมหาราชา ภัทรมหาราช
เรียกภาษาชาวบ้านว่า ตีนลูบพระพักตร์ เลยทีเดียวนะครับ

ผมไม่ถือว่าตีนนี้ เป็นของประชาชน แม้แต่คนเสื้อแดง
เพราะคนเสื้อแดงยังพร้อมจะให้องค์ภูมิพลอยู่ต่อไป แต่ใต้กรอบที่จะไม่เป็นภัยกับประชาธิปไตยอีก
แต่ในเมื่อไม่ทรงตัดสินพระทัย แล้วปล่อยให้อำมาตย์ทำลายพระเกียรติเสียเอง
มันก็ต้องสรุปความไว้ล่วงหน้าว่า

"พระพักตร์ขององค์ภูมิพลอาจจะถูกตบอย่างแรงด้วยตีนของอำมาตย์"

แต่จะเกิดหรือไม่อย่างไร ผู้กำกับที่สำคัญสองร่าง คือ
องค์ภูมิพล และไอ้เปรม ติณสูลานนท์
พระองค์จะให้ไอ้เปรม ยกตีนอันสกปรกของมันตบพระพักตร์หรือไม่
นั่นคือคำถาม?


‹ ทหารที่กอบกู้ศักดิ์ศรีกองทัพต้องออกมากอบกู้เรื่องGT200ด้วย เป็นไปได้ไหม ใช้"เครื่องปีกหมุน" แทนการปิดกั้นจราจร...!!!??? › .448 reads Facebook Google Post to TwitterTags:สังคม-การเมือง Comment #168636 by จอนคูโบต้า | Fri, 01/29/2010 - 00:06 | Vote to close comment
... เปลี่ยนคำว่า

... เปลี่ยนคำว่า ตีนอำมาตย์ในหัวข้อกระทู้หน่อยก็ดีนะครับพี่ ....


reply
Comment #168652 by piangdin | Fri, 01/29/2010 - 00:16 | Vote to close comment
ขออภัยที่เปลี่ยนตามร้องขอไม่ไ

ขออภัยที่เปลี่ยนตามร้องขอไม่ได้ครับ
เพราะอำมาตย์ ไม่มีสิทธิใช้คำว่า พระบาท หรืออะไรที่ดีกว่านั้น
เพราะอวัยวะเบื้องต่ำของคนบาป เรียก ตีน ถูกต้องที่สุดแล้วครับ


editreply
Comment #168644 by บังสุกุล | Fri, 01/29/2010 - 00:12 | Vote to close comment
เข้ามาอ่าน โนคอมเม้น

เข้ามาอ่าน โนคอมเม้น


reply
Comment #168659 by piangdin | Fri, 01/29/2010 - 00:19 | Vote to close comment
สวัสดีครับ

สวัสดีครับ คุณบังสุกุล
บอกตามตรงนะครับ ว่าลึก ๆ ผมก็ยังอยากให้คนแก่หลาย ๆ คนในบ้านในเมืองนี้
ตายไปแบบไม่ตกต่ำขนาดมีคนสาปแช่งตามกลุ่มควันสุดท้าย ในวารสุดท้ายของชีวิตพวกเขา


editreply
Comment #168650 by regards | Fri, 01/29/2010 - 00:16 | Vote to close comment
สวัสดีพี่เพียงดิน.. ไม่ได้ทัก

สวัสดีพี่เพียงดิน..

ไม่ได้ทักทายนานเลย..


reply
Comment #168656 by piangdin | Fri, 01/29/2010 - 00:17 | Vote to close comment
สวัสดีครับ ไม่ได้เห็น

สวัสดีครับ
ไม่ได้เห็น มาราโดน่ากับรอยสัก นานโข เลยนะครับ


editreply
Comment #168658 by คุณชาย | Fri, 01/29/2010 - 00:18 | Vote to close comment
เข้ามาลงชื่ออ่านครับ

เข้ามาลงชื่ออ่านครับ


reply
Comment #168666 by piangdin | Fri, 01/29/2010 - 00:22 | Vote to close comment
สวัสดีครับ

สวัสดีครับ คุณชาย
ผมต้องขอตัวก่อน สำหรับคืนนี้ครับ
มีประชุมอีกสิบนาที

ขอบคุณทุกท่านที่มาอ่านและฝากคำฝากความคิดไว้ครับ


editreply
Comment #168670 by kajokkubb | Fri, 01/29/2010 - 00:25 | Vote to close comment
อันตรายนัก

อันตรายนัก บนแผ่นดินประชาชนไม่มีอำนาจ แบบนี้

แม้เราๆ พอจะเข้าใจ และวิเคราะห์ได้ตามนั้น

นี้คือความทุกข์ยากอีกแบบของคนไทย

ถ้าคนเสื้อแดงตายเป็นเบือๆ

ก็เพราะคนที่ลงมือ จะอ้างเรื่องสถานบันนี้แหละ

เรื่องอื่นคงไม่มี


reply
Comment #168672 by piangdin | Fri, 01/29/2010 - 00:29 | Vote to close comment
แล้วนี่ไม่ใช่ไม่เคยเกิดและจะไ

แล้วนี่ไม่ใช่ไม่เคยเกิดและจะไม่เกิดอีก
เพียงแต่ครั้งนี้ จะไม่มีใครยืนอยู่เหนือความขัดแย้งด้วยภาพขาวสะอาด และด้วยความอยู่รอดปลอดภัยอีกต่อไป

ผมเชื่ออย่างนี้จริง ๆ
และเชื่อด้วยความเป็นห่วงเพื่อนมนุษย์บนแผ่นดินไทยทุกหมู่เหล่าด้วย

ผมคงไม่กลับเมืองไทยอีกแล้วในชีวิตนี้ หากองค์ภูมิพลลงพระนามรับรองการรัฐประหารอีก
แต่ผมจะไม่ละความเป็นเลือดไทย ประชาชนไทย โดยไม่อยู่ภายใต้อาณัติและบารมีของใคร
และคงจะไม่ละความพยายามที่จะต่อสู้ทุกทางที่ทำได้ ร่วมกับคนเดินดินทั้งหลายต่อไป

ได้เวลาจรลีแล้วครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ


editreply
Comment #168687 by ตอแหลแลนด์ | Fri, 01/29/2010 - 00:38 | Vote to close comment
อยากดูตีนตบ

อยากดูตีนตบ


reply
Comment #168699 by member | Fri, 01/29/2010 - 00:48 | Vote to close comment
ถ้าคุณเพียงดินได้เจอสหายสตรีว

ถ้าคุณเพียงดินได้เจอสหายสตรีวัยดึกคนนั้นอีก

อย่าลืมเตรียมคำตอบไว้ เผื่อโดนถามว่า

ทำไม ผบ.ทบ.ที่สั่งลูกน้องให้ยิงประชาชนมือเปล่าวันพฤษภาทมิฬ ถึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นองคมนตรีในวันนี้


reply
Comment #168700 by ผู้ตรวจการจักรวาล | Fri, 01/29/2010 - 00:50 | Vote to close comment
สามเกลอก็ท้าไอ้ประยุทธ

สามเกลอก็ท้าไอ้ประยุทธ จันโอชาอยู่ว่า ถ้าแน่จริงทำรัฐประหารเลย ประชาชนได้เห็นกับตาตัวเองว่า ไอ้มาเฟียเฒ่ามันเซ็นรับรองการปล้นประเทศอีกครั้งแล้ว คนจะได้หุตาสว่างกันทั้งโลก


reply

Friday, May 15, 2009

มาร์ค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ: หน้าด้านไปขอพูดที่ Oxford แล้วใช้วิชามารกันคนเสื้อแดง..

Monday, March 16, 2009
มาร์ค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ: หน้าด้านไปขอพูดที่ Oxford แล้วใช้วิชามารกับคนเสื้อแดง..
ดูหลักฐานชัดๆจาก OXFORD แล้วคนอ่าน...ตัดสินครับ...?????
โพสต์โดย : here2
ID # 784894 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 05:09:50 _ แจ้งลบข้อความ


ผมขอหลักฐานจากเพื่อนคนอังกฤษ คนหนึ่งที่ได้รับการปฎิเสธจาก st john\'s college เพิ่อ

ความยุติธรรมอ่านแล้วแปลใครแปลมันครับ ส่วน อีเมล์ของเขาต้องขอสงวนสิทธิ์ ขอปิดไว้

From: sarah.travis@politics.ox.ac.uk
CC: sarah.travis@politics.ox.ac.uk
Subject: Prime Minister of Thailand: Taking on the Challenges of Democracy
Date: Thu, 12 Mar 2009 10:41:49 +0000
Dear Participant;
Thank you for your email. Your name has been placed on the list.
As a reminder, in the interest of security, you must bring your University BodCard, or a photo ID. These will be checked and only those who are on the registration list and who have their photo ID will be admitted to the lecture.&nbs p; You will be refused entry if you do not have a PHOTO ID card which matches the name you have provided.
Also, please do not bring large bags suc h as rucksacks, laptop cases etc. These will not be allowed into the theatre.
Kind regards,
Sarah
Mrs Sarah J Travis
Research Support Officer
Department of Politics and International Relations
University of Oxford
Manor Road
Oxford OX1 3UQ
Phone: +44 (0) 1865 278713
Fax: +44 (0)1865 278725
Email: sarah.travis@politics.ox.ac.uk
www.politics.ox.ac.uk

From: ……….
Sent: 15 March 2009 23:37
To: sarah.travis@politics.ox.ac.uk
Subject: Prime Minister of Thailand: Taking on the Challenges of Democracy
Dear Sarah
I write in complaint that my wife, son and I were all registered and accepted as \"being on the list\" however it appears that
the \"lecture\" was over subscribed and we amongst many others were not allowed to attend.
Having woken up at 5AM in order to travel to Oxford from our home in Mansfield,Nottinghamshire and paying over £20 to park
you can not imagine our disappointment, frustration and anger at being turned away. As I have stated above we were amongst
many that were turned away because the \"theatre\" was full, but even after we were turned away others were allowed into the
theatre. The simple difference between \"them\" and \"us\" was that whilst the \"us\" were amongst the peaceful protesters against
Mr Abhisit being allowed deliver a speech on Democracy, the \"them\" appeared to be followers of Mr Abhisit and \"government
officials\" neglecting their duties in Thailand.
I would appreciate your thoughts on this matter and would like to know why we were turned away after being accepted by yourself#
as being on the list. I find it hard to believe that Oxford Unive rcity could get a simple thing like adding up the accepted attendees
wrong, so I can only assume that there were other reasons behind this refusal of entry.
Sincerely
……….

-----Original Message-----
From: Ruth Toureau
To: ………..
Sent: Mon, 16 Mar 2009 12:38 pm
Subject: FW: Prime Minister of Thailand: Taking on the Challenges of Democracy
Dear ………,
Sarah Travis has passed your email below on to me at St. John\'s to reply. I am sure you are aware this was not a St. John\'s event, we just supplied the venue, so I can only answer from what I have been told took place on the day.
I am very sorry you and your wife were turned away on Saturday from Mr. Abhisit\'s lecture and understand your disappointment. I have been told that the Auditorium filled up very quickly with people who had signed up with the Centre for International Studies and also on the internet. Unfortunately there was no overflow facility and a decision had to be made that a cut-off point had been reached and people must be turned away. I am not aware of some people getting in whilst others were turned away. This was definitely not the intention of the security people who were trying to deal with everyone fairly.

Best regards,
Ruth Toureau
President\'s Secretary, St. John\'s College, Oxford


โพสต์โดย : noname
icon ID # 1646451 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 05:30:26 _ แจ้งลบข้อความ


ขอบคุณครับ คุณ here2

ยังงัยช่วยรบกวนเปลี่ยนสี ตรงสีเขียวได้ไหมครับ เพราะอ่านยากและแสบตา
มากๆเลยครับ *_*


โพสต์โดย : noname
icon ID # 1646456 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 05:46:43 _ แจ้งลบข้อความ


-----Original Message-----
From: Ruth Toureau
To: ...........
Sent: Mon, 16 Mar 2009 12:38 pm
Subject: FW: Prime Minister of Thailand: Taking on the Challenges of Democracy
Dear ...........,
Sarah Travis has passed your email below on to me at St. John's to reply. I am sure you are aware this was not a St. John's event, we just supplied the venue, so I can only answer from what I have been told took place on the day.

I am very sorry you and your wife were turned away on Saturday from Mr. Abhisit's lecture and understand your disappointment. I have been told that the Auditorium filled up very quickly with people who had signed up with the Centre for International Studies and also on the internet. Unfortunately there was no overflow facility and a decision had to be made that a cut-off point had been reached and people must be turned away. I am not aware of some people getting in whilst others were turned away. This was definitely not the intention of the security people who were trying to deal with everyone fairly.

Best regards,
Ruth Toureau
President's Secretary, St. John's College, Oxford

So, it is a confirmation that this was the requested speech not the
invited speech as some people would like us to believe!

ตกลงยืนยันแล้วนะคับ ว่าไม่ได้รับเชิญไปจากทาง Oxford แต่ดูแล้วจะเป็น
รายการคุณขอมาพูด ทาง Oxford เลยจัดให้

เหอ เหอ

แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2009-03-17 05:47:29
Posted by Jaiseree at 4:03 PM
1 comments:
Jaiseree said...
ายก ม้าค ครับ เอาเงินภาษีของพ่อแม่พี่น้อง จ่ายให้ Oxford เท่าไหร่ครับ
โพสต์โดย : poweragusta
ID # 784900 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 06:01:42 _ แจ้งลบข้อความ


ขอเปิดปราศรัย ท่านนายกม้าค ครับ

ตัว ท่านและคณะผู้ติดตาม ที่ไปเปิดเล็คเชอร์ ที่ออกฟอร์ด มีค่าใช้จ่ายไปทั้งหมด เท่าไหร่ ขอให้โชว์รายระเอียดด้วยนะครับ อ้อขอแสดงความยินดีกับข่าวที่ออกมานะครับ มันเท่ห์มากเลยยยย

ผมขอราย ละเอียดอย่างเช่นว่า ตั๋วเดินทาง ค่าที่พัก ค่าอาหารที่เลี้ยงดู อย่างเช่นว่าค่าดื่มน้ำชาที่ออกฟอร์ด ผู้ที่เข้าร่วมงานทั้งหมดทั้งไทยทั้งฝาหรั่งนะคร้าบ สิ่งสำคัญจ่ายค่าสถานที่ให้ออกฟอร์ดไปเท่าไหร่


โพสต์โดย : poweragusta
ID # 1646462 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 06:08:56 _ แจ้งลบข้อความ


ผมเองเพิ่ง complain ไปวันนี้นครับ ถ้าได้คำตอบจะมาแจ้งต่อนะคับ
ป้าอุ๊ แกฝากมาลงน่ะคับ ตามนี้เลย

Date: Mon, 16 Mar 2009 15:01:15 +0000
From: ruth.toureau@sjc.ox.ac.uk
To: doublezero1@hotmail.co.uk
Subject: FW: seminar on 14th March

Dear Watana Ebbage,

Sarah Travis has passed your email below on to me at St. John's. I am sure you are aware this was not a St. John's event, we just supplied the venue, so I can only answer from what I have been told took place on the day.

I am very sorry you were turned away on Saturday from Mr. Abhisit Vejjajiva's lecture and understand your disappointment. I have been told that the Auditorium filled up very quickly with people who had signed up with the Centre for International Studies and also with the Oxford International Relations Society on the internet. Unfortunately there was no overflow facility and a decision had to be made that a cut-off point had been reached and people must be turned away. The security people on the door tried to deal with everyone fairly in the circumstances, so please be assured you were not discriminated against.

Sincerely,
Ruth Toureau
President's Secretary, St. John's College, Oxford




--------------------------------------------------------------------------------


From: watana ebbage [mailto:doublezero1@hotmail.co.uk]
Sent: 16 March 2009 14:08
To: sarah.travis@politics.ox.ac.uk
Subject: seminar on 14th March‏


17 March 2009


Mrs. Sarah J Travis

Research Support Officer

Department of Politics and International Relations

University of Oxford

Manor Road

Oxford OX 1 3UQ



Dear Mrs. Travis,



As a confirmed, registered participant, I would like to let you know that a number of confirmed, registered participants and myself, are very disappointed and would like to request your personal explanation on why we were rejected from entering into the auditorium without prior notice to attend the lecture given by Thai Prime Minister, Abhitsit Vejjajiva, on Saturday, 14 March, 2009.



We feel that we were discriminated against despite the fact that we have fully complied with all of your conditions – having registered and being confirmed via e-mail by you, refraining from bringing large bags, as well as bringing along with us our personal photo I.D.s.



Please note that many of the confirmed, registered participants traveled long distances, at their own expense, and took time off of work to attend this very public event. Being rejected from attending this event without prior notice has made many confirmed, registered participants feel that we were unjustly treated.



The courtesy of a written explanation will be appreciated.



Sincerely,



Watana Ebbage

March 16, 2009 4:11 PM

ปฎิวัติสังคมไทย: ท่านจะช่วยเปลี่ยนสังคมไทยได้อย่างไร โดยคุณเพียงดิน ประชาไท

Tuesday, March 17, 2009
ปฎิวัติสังคมไทย: ท่านจะช่วยเปลี่ยนสังคมไทยได้อย่างไร โดยคุณเพียงดิน ประชาไท
หวังว่าคุณจีรนุชและประชาไท จะไม่เดือดร้อนเพราะบทความนี้... เขียนด้วยส่วนที่อ่อนโยนที่สุดของหัวใจแล้ว
โพสต์โดย : piangdin
icon ID # 785055 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 19:22:36 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


ผมแปลกใจแต่ขอบคุณอย่างยิ่งที่กระทู้เจ้าปัญหาของผม ซึ่งได้รับความสนใจจากพี่น้องจำนวน
หนึ่ง ได้รับการกู้คืนมา ผมหมายถึงกระทู้นี้ครับ ที่หายไปสองครั้ง และไม่คิดว่าจะได้เห็นหน้า
กันอีกแล้ว
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic.php?id=784846#1647544

ผมไม่อยากให้คุณจีรนุชและพี่น้องเดือดร้อน แต่ก็พยายามไม่ตอแหล และพยายามเขียนใน
เรื่องที่สร้างสรรค์แบบไม่ให้ใครเจ็บปวดจนต้องออกมาปิดเว็บประชาไท

อันที่จริงก็มีเรื่องที่คิดมานานแล้ว แต่ไม่มีอารมณ์เขียนสักที เพราะหัวใจส่วนที่อ่อนโยนของผม
มันได้ถูกรัฐบาลกล้วยจำบ่ม (เละยิ่งกว่ามะม่วงนะครับ) และพฤติกรรมของอำมาตย์ทั้งหลาย
ในระยะสามปีหลังนี้ สะกดให้มันหยาบกระด้างไปมาก จนต้องวอร์มอัพกันนานทีเดียว กว่าจะ
สามารถเขียนบทความข้างล่างนี้ได้

ขอฝากบทความนี้ให้พี่น้องอ่าน และขอให้อ่านอย่างเปิดใจ หากไม่เห็นด้วยในเบื้องต้น
ขอให้สงบจิตสงบใจแล้วลองอ่านซ้ำนะครับ... เพราะนี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดของสังคมไทยครับ
มันทำยาก แต่หากเราไม่เลือกทางนี้ เราจะเดือดร้อนไปอีกนานและจะสูญเสียมหาศาล
แต่กระนั้น การเลือกทางที่ผมเสนอนี้ ต้องอาศํยรายละเอียดในเชิงการวางแผนและการร่วมมือ
ร่วมใจ ตลอดจนการจัดระบบใหม่ หรือการอภิวัฒน์สังคมไทยแบบต้องทนเจ็บปวด อย่าง
รอบคอบและไม่เห็นแก่ตัวและประโยชน์ของหมู่คณะ บทความยาวหน่อยนะครับ

------------------------------------------------------------
ปฎิวัติสังคมไทย: ท่านจะช่วยเปลี่ยนสังคมไทยได้อย่างไร
เพียงดิน


"Whenever you have truth it must be given with love, or the message and the
messenger will be rejected"--Gandhi


มหาตมะ คานธี นักประชาธิปไตยผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกตะวันออก ได้กล่าวไว้ว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่
ท่านมีความจริงจะบอกแก่ผู้อื่น จงแบ่งปันด้วยความรัก มิเช่นนั้น ทั้งสิ่งที่อยากบอกและตัวผู้
บอกเอง จะถูกปฏิเสธ คำกล่าวนี้ สามารถนำมาปรับใข้ได้กับการเคลื่อนไหวปฎิวัติ
ประชาธิปไตยไทยอย่างยิ่ง แต่อาจจะต้องอาศัยความเข้าใจที่เหนือการมองแบบผิวเผินและ
อารมณ์อันคุกรุ่นสักหน่อย

ผมมีโอกาสนั่งดูคุณวิกรม นั่งพรรณาเรื่องปัญหาการเมืองไทยกับคุณสรยุทธ ในรายการจับเข่า
คุย เมื่อ 16 มีนาคม ศกนี้ (โปรดดูคลิ๊ปรายการออนไลน์ที่
http://video.gigchat.com/view_7d8167224d5eebc95cb8.html) จึงมีโอกาสได้
เห็นคนที่เคยมองทักษิณแบบสาดเสียเทเสีย คนที่เคยทรนงในตนเองมหาศาล อย่างคุณวิกรม
มานั่งนึกย้อนถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากความแตกแยกทางการเมือง ผมพยายามจับน้ำ
เสียงของเขาว่า มีกระแสสีเหลืองและความทรนงอยู่มากน้อยแค่ไหน กลับพบว่า เหลือน้อย
เหลือเกิน กลายเป็นคนมององค์รวมของความเป็นคนร่วมชาติ กลายเป็นการมองความจริงบน
พื้นฐานของคนที่ปลงตกกับข้อมูลที่เห็น ก็น่าอยู่ล่ะครับ ข้อมูลที่เต็มตาตนเองจากการลงทุน
ส่วนตัวที่ถูกกระทบอย่างรุนแรงเงินหายไปนับสี่พันล้าน และการได้เห็นความเจริญเติบโตของ
คนเวียตนาม ที่ปริมาณการลงทุนจากต่างประเทศในช่วงปีที่ผ่านมาเหนือกว่าประเทศไทย
700% หรือมากกว่าเราเจ็ดเท่า!

วันนี้ คนไทยหลายคนที่ไม่ชอบบรรดาคนสีเหลือง ก็คงอดจะสะใจ สมน้ำหน้าไม่ได้ แต่นึกไป
นึกมา คนไทยคนหนึ่งจนลง ก็แปลว่าประเทศไทยเราสูญเสียไปด้วย เพราะเราทั้งหลายอยู่ใน
ข้องเดียวกันครับ ปลาตายหนึ่งตัวมันก็เป็นไปทั้งข้องแน่ หากเราต้องอุดอู้อยู่ด้วยกัน ก็คงต้อง
ตายเพราะน้ำเน่าแน่ เพราะอย่างไรก็ตาม เรายังคงผูกพันเป็นพี่น้องร่วมชาติกัน ตัดกันไม่ขาด
หากคิดให้ดี เราจะเห็นว่า ท่าทีที่มองปัญหาด้วยสติเพิ่มขึ้น และด้วยอคติที่ลดลงพร้อมกับ
อัตตานี้แหละ ที่จะทำให้เราสื่อสารถึงกันได้ดีขึ้น สื่อสารด้วยความจริงที่ใสและตกตะกอน และ
สื่อถึงใจกันได้ง่ายขึ้น ผมนั่งฟังรายการนี้ด้วยความคิดว่า บัดนี้ถึงเวลาแล้ว ที่ทุกฝ่ายในบ้าน
เมืองเรา ต้องถอยกันคนละก้าว แล้วคิดพิจารณาทบทวนหน้าหลัง แยกความจริงออกจากอคติ
มองคนไทยทุกฝ่ายแบบคนไทยด้วยกัน มองผลประโยชน์และความชอบส่วนตนให้น้อยกว่าผล
ประโยชน์ร่วมกันในฐานะคนร่วมชาติ แล้วก็มองให้ออกถึงผลของสิ่งที่เราได้ทำมาแล้วและ
กำลังทำอยู่

เขียนมาอย่างนี้ เหมือนกับว่าผมจะไม่มีอคติ และไม่มีจุดยืน เปล่าหรอกครับ ผมมิอคติและมีจุด
ยืนชัดเจนมั่นคง คือผมเห็นว่า เสรีประชาธิปไตยเท่านั้น ที่จะเป็นทางออกระยะยาวที่แท้จริง
ของสังคมไทย พวกอำมาตย์ต้องยอมรับว่าตนเองเห็นแก่ตัว รักตัวเองมากเกินไป ไม่เห็นหัว
คนอื่น โลภมากอยากได้เกินกว่าที่ตนควรจะได้ และไม่ยอมให้คนอื่นได้รับผลของการบริหาร
อำนาจและจัดการผลประโยชน์ตามระบอบที่ใช้อยู่ จนไม่สนว่าวิธีการจะทำร้ายประเทศชาติ
และตนเองเพียงใด ขอเพียงให้สมที่ตนอยากได้ จนการกระทำทุกอย่างที่ผ่าน ๆ มา กลายเป็น
ความหลงผิด เชื่อผิด ๆ ว่าตนรักชาติ เชื่อผิด ๆ ว่าตนทำดีมากกว่าคนอื่น เชื่อผิด ๆ ว่าตนรู้ดีกว่า
ชาวบ้าน เชื่อผิด ๆ หรือหลงผิดว่า ตนเองทำประโยชน์ด้วยการเสียภาษีให้บ้านเมืองมากกว่าชาว
บ้าน จึงควรมีสิทธิมากกว่า ฯลฯ ผมเชื่อว่าพวกอำมาตย์และคนสีเหลือง ทำบาปกรรมให้กับ
บ้านเมืองไว้มาก แต่ผมก็เข้าใจว่า คนจำนวนมากเป็นแค่เบี้ยให้เขากำกับ โดยผู้กำกับตัวเป้ง ๆ
มีไม่กี่ตัวไม่กี่กลุ่มหรอก พอนับหัวได้ ดังนั้น เราจึงควรแยกให้ออก ว่าใครเป็นใคร และการจะ
ดำเนินการใด ๆ ก็ต้องให้อยู่บนความเข้าใจตรงนี้ได้

ครับ ผมมีอคติ เพียงแต่ผมเชื่อว่ามันไม่ได้เกิดจากความโลภ โกรธ หรือหลงใด ๆ ผมเชื่อว่ามัน
เป็นฉันทาทิฎฐิ ไม่ใช่มิจฉาทิฎฐิ เพราะ เป็นสิ่งที่อยู่บนเจตนาดี หวังดีแด่ทุกคนทุกฝ่าย แม้ว่าจะ
มีความไม่พอใจบางคนบางกลุ่มที่มีส่วนทำให้บ้านเมืองย่ำแย่ขนาดไหนก็ตาม การคิดก็ต้อง
พยายามคิดเผื่อให้พวกเขาด้วย เพราะเราไม่สามารถแก้ปัญหาใด ๆ ด้วยตัวเราเพียงลำพัง
โดยที่คนอื่นไม่ยอมแก้ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในอำนาจ คนที่เคยได้เปรียบ

Paolo Freire นักคิดทางปรัชญาการศึกษาสำหรับผู้ถูกกดขี่ กล่าวว่า ผู้กดขี่นั้น นอกจากเป็น
คนที่มีจิตใจคับแคบกดขี่เอาเปรียบและมองไม่เห็นผู้อื่นเป็นมนุษย์เท่าเทียมกับตนแล้วนั้น แท้
จริงแล้วยังเป็นคนอ่อนแออย่างยิ่ง พวกนี้อ่อนแอและกลัวจะสูญเสียความได้เปรียบ กลัวจะถูก
เอาคืน กลัวการเปลี่ยนแปลง และกลัวต่าง ๆ นานา ดังนั้น พวกนี้จะไม่สามารถช่วยตัวเองให้
หลุดพ้นจากจิตใจที่ต่ำและเคยชินกับการเอาเปรียบหรือกดขี่ได้ คนที่จะสามารถช่วยตัวเองให้
หลุดพ้นจากการมองคนอื่นหรือถูกมองว่าเป็นทาสไพร่ต้อยต่ำกว่าตนและจากการกระทำการ
เอารัดเอาเปรียบผู้อื่นได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่เคยถูกกดขี่มาก่อนเท่านั้น ดังนั้น เราจึงสังเกตุเห็นได้
ว่า คนอย่างอภิสิทธิ์ แม้ว่าจะได้เปรียบทางการศึกษามากปานใด ได้อภิสิทธิ์ในชีวิตมามาก
เพียงใด เขาก็จะไม่สามารถเห็นในสิ่งที่นายกทักษิณเห็น ไม่สามารถพูดออกมาจากหัวใจที่เข้า
ใจชีวิตความเป็นมนุษย์ได้อย่างคุณณัฐวุฒิ และเมื่อเรานึกกลุ่มคนในสถาบันพระมหากษัตริย์ที่
ถูกป้อยอ เอาใจด้วยคำและการกระทำ จนแทบไม่เป็นมนุษย์อยู่แล้วนั้น พวกเขายิ่งต้องการ
ความช่วยเหลือจากพวกชาวบ้านร้านช่อง คนเดินดินกินข้าวแกงอย่างพวกเรา หรือจะยก
ตัวอย่างเช่น พลเอกเปรม ซึ่งเคยชินอยู่กับระบบที่มีลูกน้องคอยเลียแข้งเลียขา และยิ่งขึ้นไป
อยู่คู่ราชบัลลังก์ เขาก็ยิ่งไม่สามารถรู้สึกถึงความเป็นคนเดินดินได้เหมือนเดิม เขาต้องการ
ความช่วยเหลืออย่างยิ่ง เมื่อมองถึงคนอย่างสนธิ ล็มทองกุล นี่ก็ยิ่งน่าสงสาร เพราะเขาเป็น
คนทะเยอะทะยานและใช้พรสวรรค์ตนเองในทางที่ผิด คือสร้างเครื่อข่ายอำนาจและขยาย
อำนาจออกไปเพื่ออิทธิพลส่วนตัวและการสร้างแผนคอยแบล็คเมล์ผู้คนเพื่อสู่อำนาจ เมื่อทำ
สำเร็จ เขาก็หลงตัวเองจนยอมรับที่จะแพ้ใครไม่ได้ ความโกรธ เกลียด โลภ และหลงของเขา
จึงหนักและแรงเกินกว่าจะเยียวยา เขาเป็นเหมือนคนเป็นโรคมะเร็งทางศีลธรรมขั้นสุดท้ายแล้ว
นะครับ ไม่มีทางช่วยตนเองได้ หรือจะมองนักธุรกิจอย่างคุณวิกรมนี้เล่า ประสบการณ์การ
ต้องต่อสู้กับระบบที่กดขี่ชีวิตเขาอยู่ ทำให้เขาอาจจะเรียนรู้อะไรได้ดีขึ้นและง่ายกว่า แต่ด้วย
สันดานการขี่ผู้อื่นมามาก เขาเองก็คงยังต้องการได้รับการปลดปล่อยต่อไป และคนที่จะปลด
ปล่อยคนอย่างพวกนี้ได้ดีที่สุด ไม่ใช่ใครครับ ชาวบ้านร้านช่อง หรือคนชั้นกลางถึงชั้นสูงที่มี
หัวใจเพียงดิน เคียงรากหญ้านั่นเอง เพราะคนพวกนี้ ผ่านการตรากตรำจ่ำทนมามาก เขามีความ
เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกชา อันเป็นธรรมสำหรับพรหม หรือธรรมสำหรับผู้นำ เสียงของ
คนรากหญ้าหรือคนที่สนับสนุนคนยากคนจน ที่อยู่บนรากฐานความรัก หรือพรหมวิหารสี่นี้
แหละครับ ที่จะช่วยให้คนที่เคยกดขี่ได้สำนึก ได้เรียนรู้และปรับตัวในที่สุด

แต่การจะทำอย่างนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในระยะที่เรายังเผชิญหน้า และฝ่ายผู้กดขี่ยัง
ไม่รู้สึกถึงผลกรรมของพวกเขาโดยตรงมากพอ และยังมีจิตใจโหดเ*****้ยมที่จะทำร้ายชาวราก
หญ้าข้าติดดินในสายตาพวกเขา แต่ก็หวังว่า คนที่อยู่เบื้องหลังม๊อบ คงเรียนรู้ได้จากความ
เสื่อมเฉพาะตนและการสูญเสียทรัพย์สินตลอดจนความสุขและสันติในใจของตนไปมากพอ
แล้ว ส่วนนักธุรกิจและกลุ่มผลประโยชน์ทั้งหลายทีรวมหัวกันทำการอันเป็นปฎิปักษ์ต่อการ
พัฒนาบ้านเมืองและการค้าขายกับเพื่อนร่วมโลก ป่านนี้คงมิต่างจากคุณวิกรมมากนัก ส่วนคนสี
เหลืองที่เป็นชาวบ้านหลงผิดนั้นเล่า ก็คงเริ่มได้คิด ว่าสิ่งที่เคยหลงมานานนั้น มันเป็นยาพิษที่
กำลังออกผลร้ายแรง แต่ก็มีหลายส่วนของคนที่มีจิตใจกดขี่ผู้อื่นที่ยังคงจมปลักอยู่กับความ
โลภ โกรธและหลง และยังมีจิตใจหยาบกระด้างและรุนแรงอยู่ คนพวกนี้แหละที่เป็นโจทย์ให้
เราต้องแก้ เราต้องการให้เขากลายเป็นคนมีสติที่อุดมด้วยเมตตา กรุณา มุทิตาและอุเบกขา ที
สอดคล้องกับแนวทางแห่งเสรีประชาธิปไตย การดุด่าว่ากล่าว การประจาน การทำร้ายรุนแรง
ฯลฯ ย่อมไม่ใช่วิถีที่ถูกต้อง ย่อมไม่ใช่ทางออกที่แท้จริง การให้อภัยจังเป็นสิ่งที่ยากเหมือน
ยาขมที่พวกเขาคนสีแดง ที่มีแต่ยอม ยอม ยอม โดยไม่ใช่เพราะเราโง่ แต่เพราะเราสงสาร
ประเทศชาติ เราคิดมากกว่าพวกที่จิตใจหยาบกระด้างชอบกดขี่เอาเปรียบเหยีบบย่ำต่างหาก
แต่เราก็ต้องให้อภัยและรักษาสิ่งที่เราอยากให้เกิด คือ เมตตา กรุณา มิทิตาและอุเบกขาและ
อื่น ๆ อีกมากมายที่เราต้องมีในสังคม เพื่อให้สังคมเดินหน้าต่อไป ดังที่ท่านคานธี ได้กล่าวไว้
ว่า

"We must become the change we want to see."
เราต้องเปลี่ยนตัวเราให้เป็นอย่างที่เราใฝ่ฝีนอยากเห็นก่อน

นั่นคือ หากเราอยากให้สังคมสันติสุข เราต้องมีสันติสุขในตัวเองและแสวงสันติสุขก่อน

และนี่คือสิ่งสำคัญอย่างยิ่งใหญ่ที่คนสีแดงและแกนนำทำถูก คือเราเอาอหิงสธรรม เป็นเครื่องชี้
นำการต่อสู้ เราต้องรักษาตรงนี้ไว้ให้ดี เพราะการฆ่าฟันเมื่อเริ่มแล้ว มันจบยาก การเริ่มมันไม่
ยากนะครับ แต่การเลิกนั้น มันจะยิ่งยากเป็นร้อยเท่าทวีคูณ


คนที่เข้มแข็งจริง ๆ เท่านั้นที่จะให้อภัยได้ นี่ก็เป็นสิ่งทีท่านคานธีกล่าวไว้ เราต้องถามตัวเรา
เองว่า เราให้อภัยคนที่อยู่เบื้องหลังม๊อบได้ไหม? เมื่อให้อภัยแล้ว เราจัดที่จัดทางให้เขาอยู่พอ
สมฐานะและไม่มาเป็นยาพิษให้กับระบอบได้ไหม? เราให้อภัยคนสีเหลืองที่หลงผิดได้ไหม?
เราให้อภัยนักการเมืองที่ทำผิดชั่วได้ไหม? แม้ว่าเราไม่สามารถยกความผิดให้กับใครได้ แต่
เราสามารถลดความรู้สึกโกรธแค้น ลดการก่นด่าอย่างไม่สร้างสรรค์ แล้วหันมามีบทสนทนา
ร่วมกันบนพื้นฐานพรหมวิหารสี่ให้ได้ เมื่อเรามีความจริงเกี่ยวกับสาเหตุของปัญหาที่ทำให้เมือง
ไทยเราก้าวมาเกือบแปดสิบปีแบบปลงทาง เมื่อเรารู้ว่าใครกดขี่ใครถูกกดขี่แล้วผลเสียมันเป็น
อย่างไร เมื่อเรารู้ว่า สังคมที่ให้เกียรติและความเสมอภาคมันดีอย่างไร และเมื่อเรามีความจริง
จากใจของคนที่เป็นผู้ถูกกดขี่ที่เข้มแข็ง เป็นธรรม มีอารยะและสูงกว่าอยู่ในตัวเราแล้ว เราก็
ควรพัฒนาและใช้มันให้เกิดประโยชน์ในเชิงสร้างสรรค์ที่สุด


เราทำอะไรได้หลายอย่างนะครับ ลองคิดดูแล้วจะเห็นว่า เรามีทางเลือกเป็นร้อยเป็นพันที่ทำ
ได้ ผมเขียนบทความที่พยายามฝากถึงสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อให้ทราบว่า อย่าได้กลัว
ประชาชนคนไทย ขอให้ทรงสำนึกว่า สิ่งที่เป็นอยู่มันมีที่มาที่ไปที่เกี่ยวเนื่องด้วยความจำเป็น
ของการต้องปรับพระราชฐานะ ผมเขียนถึงอภิสิทธิ์ตั้งแต่สมัยการเมืองยุ่งเหยิง พยายามให้
อภิสิทธิ์กลายเป็นพระเอกด้วยการยอมรับความพ่ายแพ้และลงเลือกตั้งเมื่อก่อนการรัฐ
ประหาร ผมพยายามพูดกับทุกคนไม่ว่าสีไหน ให้เห็นมากกว่าแค่อารมณ์ความเชื่อและความ
รู้สึกส่วนตน หรือการมองประเด็นด้วยอคติ ซึ่งผมยอมรับว่ามันยาก และการให้อภัยมันยิ่งยาก
แต่ พี่น้องสีแดงอาจจะคิดว่า การยอมและพยายามทำดีนั้น มันจะไร้ผลและเราจะพ่ายแพ้ แต่
ท่านคานธีก็ได้สอนให้เราสร้างพลังมหาประชาชนควบคู่ไปด้วย และอหิงสานั้น เป็นวิธีการที่ไม่
รุนแรง แต่ผลมันรุนแรงยิ่งกว่าสิ่งใด และวิธีการมันมีมากมายยิ่งกว่าสะเก็ดระเบิดปรมณูด้วย
ซ้ำ เราต้องฉลาดที่จะทำสิ่งเหล่านั้นไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การก้าวไปสู่การสร้างมิตร สร้าง
ความเข้าใจ สร้างความรู้สึกว่าศัตรูทางความคิดแต่เป็นเพื่อนร่วมชาตินั้นเป็นพวกเรา มากกว่า
เน้นคำว่าพวกมัน และอะไรอีกมากมายที่เราทำได้ มันเป็นทางที่วิเศษที่สุดที่เราทำได้ ยิ่งเรา
ทำกันจนเป็นนิสัยและเป็นวงกว้าง มันยิ่งจะเกิดผลชัดเจน หากเรารอคอยจนเจ็บปวดและกลัว
ว่าจะต้องเจ็บปวดซ้ำซาก ต้องสูญเสียและล้มหายตายจากกันอีก ก็จงคิดไว้ว่า ไม่มีใครทำร้าย
เราได้แท้จริงหรอก หากเราไม่ยอมและเราเข้มแข็งพอ ดังที่ท่านคานธีท่านพูดด้วยว่า
"ไม่มีใครทำร้ายเราได้ หากเราไม่ยอมให้พวกเขาทำร้ายเรา"

การเคลื่อนไหวประชาธิปไตยในไทย ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ ในระดับที่หยาบ เราคงต้องดำเนินการ
อย่างที่เราทำ แบบดิบ ๆ แบบเผชิญหน้าด้วยเหตุผล แบบมีการถกเถียง แต่เราทำถูกแล้วที่เน้น
เหตุผลและเรียกร้องอารยธรรมเป็นที่ตั้ง แต่ในระดับที่ลึกซึ้ง ละเอียดอ่อนและถาวรแล้ว ผม
เชื่อว่า ธรรมะของมหาตมะ คานธี ควรค่าแก่การใส่ใจพิจารณาและนำไปใช้อย่างยิ่ง ผมไม่หวัง
ให้ทุกท่านเข้าใจและเห็นด้วย แต่อยากเสนอเพื่อให้ทุกท่านได้คิด ทุกสิ่งที่ท่านตัดสินใจทำ
หรือไม่ทำ และวิธีการที่ท่านทำสิ่งใด ๆ นั้น มันมีค่าต่อการเปลี่ยนแปลงรอบตัวท่านเสมอ...
อย่าดูถูกพลังในตัวของท่าน จงใช้พลังอย่างสร้างสรรค์ มีสติ และอยู่บนรากฐานของความรัก
เถิด พี่น้องไทยทุกหมู่เหล่า


-----------------------------

แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2009-03-17 20:56:03


โพสต์โดย : fanny
ID # 1647561 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 19:40:18 _ ปิดข้อความ ex-link



fanny เห็นด้วยกับบทความนี้....ไม่ได้จุดใดที่เห็นต่างไป
เพียงแต่มีบางมุมที่อดน้อยใจไม่ได้ว่า

ยามที่พวกคนรากหญ้าร้องเรียกความสมานฉันท์ ร้องเรียกความเป็นธรรม
ร้องเรียกให้เห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติโดยส่วนรวม.....คนชั้นนำของประเทศเหล่านี้ ไม่เคยไยดี กลับทำในสิ่งตรงกันข้าม ฟาดงวงฟาดงา แบบไม่แคร์ว่าจะเกิดความเสียหายแก่บ้านเมืองเช่นไร

แต่ เมื่อถึงคราวที่ฝ่ายเค้าใกล้ถึงมุมอับ หรือเพลี่ยงพล้ำ....พวกคนชั้นนำเหล่านี้ก็จะออกมาเรียกร้องให้เห็นแก่ประเทศ ชาติบ้านเมือง...เรียกร้องการประนีประนอมทุกครั้ง


มันเหมือนเวลาเรายื่นมือให้เค้าจับเพื่อแสดงความสามัคคี นอกจากเค้าไม่จับแล้ว ยังสะบัดและเอาไม้มาตีหัวเราแตก เลือดไหลอาบ..
พอเราคิดสู้ และเริ่มสู้แบบเอาจริง...และฝ่ายเค้าเริ่มเพลี่ยงพล้ำ...
เค้าก็จะออกมาขอจับมือ ตะโกนหา "ความสามัคคี"

fanny ไม่ได้เห็นต่างนะคะ เห็นด้วยกับบทความนี้ที่เสนอทางออกที่ดีแก่สังคม.....เพียงแต่มันอดนึกในมุมนั้นไม่ได้..


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2009-03-17 19:47:32


โพสต์โดย : piangdin
icon ID # 1647579 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 19:52:04 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


สวัสดีครับ คุณ Fanny ขอบคุณที่สนใจครับ
อาการที่ฝ่ายผู้ปกครอง ฝ่ายอำมาตย์ ทำผิดคิดชั่วจนเกินเลย
ผิดทำนองคลองธรรม และผิดแม้กระทั่งกฎหมายระหว่างประเทศ จนบ้านเมือง
เสียหายมหาศาลนั้น มันเข้ากับกฎที่ผมบอกไว้ว่า พวกนี้อ่อนแอมาก ไม่สามารถ
เข้าใจชีวิตที่มีมนุษยธรรมและไม่สามารถเปลี่ยนตนเองได้เอง เราจึงต้องช่วย
เหลือพวกเขา ซึ่งตรงนี้แหละที่สำคัญ คือ เราจะช่วยพวกเขาได้อย่างไร???

แค่คิดอยากจะช่วยมันก็ยากอยู่แล้ว เพราะเราโกรธแค้นมากมาย
จะให้ไปคิดเผื่อพวกเขาอีก... มันยากครับ แต่หากทำได้ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
แต่ประวัติศาสตร์ไม่ได้มีตัวอย่างเช่นนี้มากมายนัก อินเดีย และ
อัฟริกาใต้ ดูเหมือนจะเป็นตัวอย่างที่พอเห็นได้ชัดที่สุด แต่ก็ไม่ใช่จะได้มาง่าย

ผมเชื่อว่าประเทศไทยน่าจะเป็นไปได้ เพราะพื้นฐานนิสัยคนไทย
ยังมีความเป็นพุทธอยู่มากกว่าประเทศต่าง ๆ ค่อนโลก


โพสต์โดย : สาวน้อยคลองรังสิต
ID # 1647580 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 19:52:05 _ ปิดข้อความ ex-link


โลกแห่งอุดมคติ และโลกแห่งความจริง

มันแตกต่างกันมากเหลือเกินท่าน


ทุกวันนี้ หลังจากมหาตมะคานธีถูกลอบสังหาร

ชาวอินเดียก็ยังต้องเจ็บปวดอยู่เหมือนเดิม....

ด้วยความเคารพ


โพสต์โดย : piangdin
icon ID # 1647587 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 19:58:27 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


คุณพูดถูกเลยครับ คุณสาวน้อยคลองรังสิต
ผมไม่ได้บอกเลยว่ามันง่าย และมันไม่เจ็บปวด

คุณลองนึกถึงประวัติของพระเยซูคริสต์สิครับ

หากจะเอาให้ใกล้ตัว ก็ขอให้นึกถึงพระเวชสันดรนะครับ

อันนี้เป็นธรรมที่สูงมาก ผมเองก็ไม่แน่ใจว่า จะเอามาประยุกต์ได้ขนาดไหน
เพราะคนที่จะนำตรงนี้ได้ จิตใจและบารมีต้องสูงมาก ๆ
ด้วยเหตุนี้ เราจึงไม่มีพระเยซู เมนเดลล่า คานธี หรือแม่ชีเทเรซ่า มากกว่า
ที่เราเห็น



แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2009-03-17 20:00:53


โพสต์โดย : หัวเทียน
icon ID # 1647590 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 20:00:08 _ ปิดข้อความ ex-link


เป็นแนวทางที่ดี แต่ผมยังมองไม่เห็นว่าจะมีคนไทยสักคนที่จะมีบารมีมากพอ มาเป็นผู้นำที่จะเดินตามแนวทางนี้

อัครมหาบุรุษอย่างคานธีไม่ใช่จะเฟ้นหาตัวขึ้นมาได้ง่าย แนวทางอหิงสาของท่านมันยากมากที่จะปฎิบัติ ท่านโดนตีจนเลือดอาบไม่รู้กี่ครั้งท่านก็ยังไม่ตอบโต้เพราะยึดหลักอหิงสา จนคนที่ตีท่านไม่กล้าที่จะตีต่อ ผมคนหนึ่งที่ยอมรับเลยว่าไม่มีความอดทน และความกล้าหาญเช่นนี้


โพสต์โดย : ดวงจำปา
ID # 1647594 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 20:01:57 _ ปิดข้อความ ex-link


ชื่นชมในความรู้ความสามารถ และจิตวิญญาณของการเป็นนักต่อสู้ของคุณเพียงดินมากค่ะ

ดิฉันติดตามกระทู้ของคุณเพียงดินอยู่ตลอด
มีบทความจำนวนมากของคุณที่ดิฉันได้เก็บบันทึกไว้
รวมทั้งบทความก่อนหน้านี้และบทความนี้

หนทางเส้นนี้อีกยาวไกลเหลือเกิน
ดิฉันดีใจที่เห็นคุณกลับมาโพสต์ใหม่
นี่แหละค่ะคนจริง ต้องลุกขึ้นได้ไวอย่างมีชั้นเชิงแบบนี้
โปรดถนอมกำลังกาย กำลังใจ เดินร่วมเส้นทางกันต่อไปนะคะ











โพสต์โดย : เที่ยวไปตามตะวัน
icon ID # 1647597 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 20:04:36 _ ปิดข้อความ ex-link


อ่านเฉยๆๆ


โพสต์โดย : piangdin
icon ID # 1647600 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 20:05:59 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


สวัสดีครับ คุณหัวเทียน

คนสีแดงเรา ได้ก้าวมาไกลมาก ในแง่การชูประเด็นอหิงสา
หากเป็นประเทศอื่น เรามีการฆ่าฟันกันไปแบบเลือดนองแผ่นดินไปแล้วครับ
ผมเชื่อว่าหากมีคนที่เข้าใจหลักตรงนี้ และหัวใจใหญ่กว่าคนทั่วไป
บารมีสูง และสติปัญญาในการนำมวลชนเยี่ยม ตลอดจนความสามารถในการ
สื่อสารกับกลุ่มผู้กดขี่มีสมบูรณ์ละก้อ เราอาจจะได้เห็นสิ่งที่เป็นอุดมคติ
ในแนวประชาธิปไตยแบบพุทธนะครับ แนวคิดแบบราชประชาสมาศรัยนั้น
ไม่ใช่เรื่องน่าเกลียดเลย แต่ราชาต้องเรียนรู้ที่จะถ่อมองค์ และยินยอมที่จะ
เสียอวัยวะเพื่อรักษาชีพ และมองเห็นความอยู่เย็นเป็นสุขของอาณาประชาราษฎร์
ยิ่งใหญ่กว่าความเป็นอมตะและมั่งคั่งเฉพาะวงศ์ตระกูลของตน อันนี้
เป็นเรื่องไม่ง่าย เราต้องดูว่า คนที่เกิดมามีบุญเหนือคนทั่วไป จะทำตัว
อย่างพระเวชสันดร หรือชูชก?



โพสต์โดย : The Kingdom
ID # 1647603 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 20:09:02 _ ปิดข้อความ ex-link


สวัสดีครับคุณเพียงดิน ทราบไหมว่าคุณเพียงดินทำให้ผมมีงานเพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่ง คือ ต้องคอยเก็บบันทึกกระทู้ของคุณเพียงดินเอาไว้ เพื่อเป็นหลักฐานการลุกขึ้นสู้ด้วยเหตุผลของประชาชนธรรมดาในส่วนหนึ่ง และความประทับใจในความมุ่งมั่นเพื่อสังคมที่ดีกว่าของคุณอีกส่วนหนึ่ง
คุณเพียงดินนำเสนอเรื่องของการแสดงความเมตตาต่อกัน ซึ่งท้ายสุดจะนำมาซึ่งความสงบสุขของสังคมนั้นเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง เรื่องที่ผมพยายามหาคำตอบอยู่ก็คือใครจะเจรจากับใคร เราจะเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ จะมีใครเจรจากับเราไหม การต่อสู้จะลงเอยเช่นไร เพื่อนประชาไทหลาย ๆ ท่านได้คาดการณ์ไว้ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน
ส่วนตัวของผมก็ยังเห็นว่าสังคมประชาธิปไตยจะนำไปสู่ความเมตตาเอื้ออาทรต่อ กันได้มากกว่าสังคมแบบอื่น สุดท้ายแม้ทุกท่านจะแตกต่างกันไม่ว่าจะด้านใด หากมีความเมตตาเป็นตัวประสานเราก็จะไม่แตกแยกกัน
ขอบคุณครับ


โพสต์โดย : piangdin
icon ID # 1647605 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 20:09:54 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


ขอบคุณสำหรับไมตรีจิตครับ คุณดวงจำปา เมื่อเจตนาของผมไม่ได้มาเพื่อ
เสริมอัตตาตัวเอง แต่มาเพื่อหาโอกาสทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อบ้านเมือง
ผมคงไม่ทิ้งโอกาสนี้ไปง่าย ๆ และไม่ทำลายโอกาสของพี่น้องเราจำนวนมากาย

ประชาไทมันมีชีวิตครับ คนที่เป็นส่วนหนึ่งของที่นี่แล้ว หนีไปไหนยาก
ดูอย่างท่านยักษ์หลงทาง พิเภกนั่นปะไรครับ

ขอบคุณที่กรุณาบอกว่าได้แวะมาอ่านครับ คุณเที่ยวไปตามตะวัน




โพสต์โดย : สาวน้อยคลองรังสิต
ID # 1647614 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 20:15:40 _ ปิดข้อความ ex-link


เห็นด้วยอย่างยิ่งกับท่านเพียงดินที่ใช้ธรรมะแก้ปัญหา

ตัวเองก็พยายามให้อภัยและอโหสินับครั้งไม่ถ้วน

ถ้าทุกคนคิดได้อย่างเราๆท่านๆก็คงดี

วันนี้คงไม่ต้องบอบช้ำกันถ้วนหน้าอย่างนี้




โพสต์โดย : หัวเทียน
icon ID # 1647619 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 20:18:18 _ ปิดข้อความ ex-link


คุณเพียงดินครับ ถ้าชนชั้นปกครองของไทยมีเมตตาและรักมวลชนจริงเหตุการณ์เช่น 14 ตุลา 6ตุลา และพฤษภาทมิฬ คงไม่เกิดขึ้น การปิดสนามบินคงไม่มีใครกล้าทำ ประวัติศาสตร์มันชี้ให้เห็นอนาคตครับ

แต่ผมก็เอาใจช่วยแนวคิดของคุณนะ


โพสต์โดย : ป้านินจา
icon ID # 1647621 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 20:19:47 _ ปิดข้อความ ex-link


มาให้กำลังใจคุณเพียงดินค่ะ

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ....
และกระทู้คุณภาพนะคะ....!!!




โพสต์โดย : piangdin
icon ID # 1647630 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 20:26:21 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่กระทู้ก่อนครับ คุณป้านินจา

คุณหัวเทียน และคุณสาวน้อยคลองรังสิต ครับ เราหยุดแค่ความรู้ไม่ได้ครับ
เราต้องพยายามเอาความรู้ไปประยุกต์ใช้ครับ คำถามที่เราต้องช่วยกันตอบ
คือ

เราจะทำให้พวกชนชั้นปกครอง อำมาตย์ และราชวงศ์ได้เกิดสำนึกว่า
คนเราเกิดแก่เจ็บตาย และเป็นสัตว์โลกร่วมทุกข์กันทั้งสิ้น
การทำร้ายคนอื่น ก็คือทำร้ายตนเอง
และเมื่อมีปัญหา แล้วตนเองมีปัญหา ก็ต้องรู้จักละ ละ และเลิก
ในสิ่งที่ไม่เป็นคุณกับตนและผู้อื่น

การจะทำอย่างนี้ ต้องอาศัยความเข้มแข็งของหัวใจและความเข้าใจในธรรม
ระดับหนึ่ง แต่คนเราอยู่กันด้วยอารมณ์และเอาตัวตนไปปะทะกัน ภาพที่เรา
เห็นจึงวุ่นวายไม่รู้จักจบ... เมืองไทยเรา อาจจะต้องหันมาหาทางเลือก
ที่เหนือการเมือง เพื่อหาทางลัดในการแก้ปัญหาครับ

เหมือนเวลาเกิดไฟรั่วลงบนพื้นน้ำที่มีคนอยู่ในน้ำหกสิบกว่าล้านคน
วิธีการแก้ ไม่ใช่การกระโดดขึ้นบกแล้วผลักไสคนอื่นให้จมตายหายจาก
แต่ต้องหาทางวิ่งไปที่ปลั๊กไฟครับ...


โพสต์โดย : putai
icon ID # 1647638 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 20:31:59 _ ปิดข้อความ ex-link


คนเรามองเห็นแต่ความผิดของคนอื่น ส่วนความผิดของตนเองก็พยายามเอาคุณธรรม หรือจริยธรรมมาฉาบปิดทับไว้ กอบโกยผลประโยชน์จากความศรัทธา และความโง่งมงายโดยไม่แบ่งปันมายังประชาชนคนรากหญ้า การที่จะให้ผู้มีบารมีและอัตตาสูง จะมายอมรับความคิดของประชาชน และสำรวจตัวตนของตัวเองคงเป็นไปไม่ได้ เพราะได้โฆษณาชวนเชื่อมานานและยัดเยียดความศรัทธา และความดีที่ไม่มีอยู่จริง ถ้าจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยเต็มใบก็ต้องรอให้ผู้มีบารมีหมด ความศรัทธา หรือหมดอายุขัยไปก่อน


โพสต์โดย : Tuxedo
ID # 1647642 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 20:34:15 _ ปิดข้อความ ex-link


ได้เวลา ล้างแผ่นดินแล้วอะครับ

กรรมวิธีเดิมๆๆ ที่เคยทำต้องไม่ทำอีก

ต้องเอาคนที่ทำความผิดมาลงโทษ

ให้เป็นเยี่ยงอย่างแล้วครับ

ไม่งั้นแผ่นดินนี้ก็ Fluctuation เหมือนเดิม



โพสต์โดย : piangdin
icon ID # 1647650 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 20:37:52 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


สวัสดีครับ คุณputai
พวกที่อยู่ในรั้วในวังและคนที่เกาะรอบฐานราชบัลลังก์เขาได้ข้อมูลจากหัวใจ
พวกเราแค่ไหน พวกเขาอาจจะไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน ในสิ่งที่เป็นหลักธรรมพื้นฐาน
เพราะสิ่งที่พวกเขาได้ยิน อาจจะมีแค่คำสรรเสริญเยินยอ คำเพ็ดทูล คำยุแยง
ให้เห็นคนบางคน บางกลุ่มเป็นศัตรู ยิ่งอยู่ห่างจากประชาชน ยิ่งมีความกลัว
ยิ่งกลัว ก็ยิ่งปกป้องตนเอง และยิ่งปกป้องตนเอง ก็ยิ่งทำร้ายคนหมู่มาก

การจะแก้ปัญหา เราจึงควรยื่นหัวใจไปช่วยเขา
แต่ต้องเอากำลังของมวลมหาประชาชน ช่วยจัดระเบียบ
ช่วยวางของในบ้านเราให้ถูกที่ถูกทางครับ

สวัสดีครับ คุณTuxedo ขอบคุณที่คุณทำให้ผมได้รับข่าวสารอย่างไม่บกพร่อง
คงใช้เวลามากมายเพื่อการนี้ นับถือน้ำใจจริง ๆ ครับ
ผมเองก็เชื่อว่า เราต้องชำระล้างบ้านเราครับ แต่จะเอาเลือด หรือจะให้
คนผิดไปตักน้ำมาล้างตัวเอง แล้วล้างบ้านช่วยกัน จากนั้น ก็ทำตัวเสียใหม่
เรื่องใครผิดใครถูก ผมว่าเมืองไทยยังพอจะมีอะไรที่ทำให้เราหาทางออกได้
การให้อภัยโทษแล้วเริ่มต้นใหม่แบบคาดโทษไว้ แล้วเขียนกฎระเบียบแบบ
เข้มข้น จัดระเบียบบ้าน ระเบียบคนใหม่ นั่นแหละจึงจะเป็นการเริ่มต้นที่แท้จริง
ไปสู่เส้นทางอนาคตอันวัฒนาถาวร

คืนนี้ผมขอตัวนะครับ ผมมีธุระต้องทำอยู๋หลายชั่วโมง กว่าจะกลับมา
ก็คงดึกเกินไปสำหรับเวลาเมืองไทย

ขอบคุณที่แวะมาอ่าน และจะขอบคุณอย่างมาก หากพี่น้องจะช่วย
กันคิด ช่วยกันมอง ทำให้ประเด็นเริ่มต้นจากความคิดอันลึกซึ้ง
ของมหาบุรุษคานธี ได้กลายเป็นทิศทางที่ชัดเจนสำหรับการแก้ปัญหา
แบบไทย ๆ ครับ

แล้วสัญญาว่าจะแวะมาอ่าน และจะเป็นเพื่อนเรียนรู้กับพี่น้องประชาไท
ไปอีกนานครับ

ราตรีสวัสดิ์ล่วงหน้าครับ
เพียงดิน

แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2009-03-17 20:44:06


โพสต์โดย : รักเสรีประชาธิปไตย
icon ID # 1647655 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 20:42:38 _ ปิดข้อความ ex-link


สวัสดีครับ คุณเพียงดิน
ผมดีใจมากและเป็นไปตามทีึ่คาดไว้ไม่มีผิดว่าคุณมีความมุ่งมั่นไม่มีถอยเช่นเดียวกับผม
กระทู้เรื่องเดียวกัน 4 กระทู้ของผม วันนี้ กระทู้แรกยังคงอยู่ กระทู้ 2-3 ถูกลบ
กระทู้ที่คุณมาชมคือกระทู้ที่ 4 ผมมีเทคนิคในการเสนอกระทู้แตกต่างกันดังที่คุณเห็นตัวแดงที่ผมเน้นคือกระทู้ที่โดนลบ
วันก่อนผมคาดไว้ล่วงหน้าแล้วว่ากระทู้คุณอาจถูกลบ และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
เช่นเดียวกับที่ผมโดน 2 กระทู้ในวันนี้ แต่ผมก็ยืนยันสิทธิที่จะโพสต์ต่อในชื่อใหม่ ความเห็นเดิมเช่นเดียวกับที่คุณทำเช่นกัน
ผมชอบกระทู้นี้ของคุณมากครับ สมแล้วที่ผมได้ยกย่องคุณว่า
"ผู้กล้าเรืองปัญญา"



โพสต์โดย : ดาวราย
ID # 1647660 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 20:44:27 _ ปิดข้อความ ex-link


พยายามใหม่ โพสต์แล้วเข้าไม่ได้ มันดีดกระเด็นข้อความหายไปเลย

จะเข้ามาใหกำลังใจคุณเพียงดิน ด้วยกลัวคุณจะหนีจาก ปชท ก็จำทำให้ความคิดดีๆ ของคุณ หายไปด้วย

คน เราบางทีความน้อยใจก็เกิดบ้าง เห็นใจ และเข้าใจความปรารถนาดีของคุณต่อชาติ บ้านเมืองแต่มันอาจสวนทางกับผู้ใช้อำนาจรัฐ และคุณเป็นคนเสรี ก็เลยเหมือนจะถูกจำกัดความคิด เลยเป็นเหมือนจุดแข็งที่ไม่ยอมงอ เลยจะลอยไปที่อื่น

สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว(ใน ปชท) ขอให้ตั้งกระทู้ และโพสต์ต่อไปต่ะ รออ่านเสมอ...


โพสต์โดย : Hamiya
icon ID # 1647663 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 20:45:24 _ ปิดข้อความ ex-link



รีบอ่านอย่างรวดเร็ว กลัวโดนอุ้มหายปายอีกอ่ะค่ะ ลุงเพียงดิน

อ่านแล้ว รู้สึกได้ถึงความหวังดีและห่วงใยพี่น้องคนไทยและชาติไทยของลุง

แต่ทำใจยากจังค่ะ อ้ายคำว่า อภัยเนี่ย

แล้วววคิดอ่ะป่าวว่า พวกเค้าจะคิดดั้ยจิงๆ ไม่ช่าย หัวเราะชอบใจกับพวกรากหญ้าที่คิดโง่ๆ

มานเปนยังงี้มากี่สิบปีแล้วววอ่ะ คิดหรือค๊ะ ว่าพวกเค้าจะเปลี่ยนแปลงกานง่ายๆ

แล้วววเราก้อต้องกลับปายอยู่ในสภาพเดิมต่อไปเรื่อยๆ อีกกี่สิบปีก้อม่ายรุ

คุณยายเคยสอนว่า เจ็บแล้ววววต้องจำ ม่ายงั้นก้อเจ็บซ้ำซากอีก

ที่คิดอย่างงี้ ม่ะช่ายม่ะเห็นด้วยกะลุงน๊ะค๊ะ

แต่เข็ดแล้ววววจ้า








โพสต์โดย : fanny
ID # 1647667 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 20:49:49 _ ปิดข้อความ ex-link


โพสต์โดย : piangdin
ID # 1647579 - โพสต์เมื่อ : 2009-03-17 19:52:04 _ ปิดข้อความ


สวัสดีครับ คุณ Fanny ขอบคุณที่สนใจครับ
อาการที่ฝ่ายผู้ปกครอง ฝ่ายอำมาตย์ ทำผิดคิดชั่วจนเกินเลย
ผิดทำนองคลองธรรม และผิดแม้กระทั่งกฎหมายระหว่างประเทศ จนบ้านเมือง
เสียหายมหาศาลนั้น มันเข้ากับกฎที่ผมบอกไว้ว่า พวกนี้อ่อนแอมาก ไม่สามารถ
เข้าใจชีวิตที่มีมนุษยธรรมและไม่สามารถเปลี่ยนตนเองได้เอง เราจึงต้องช่วย
เหลือพวกเขา ซึ่งตรงนี้แหละที่สำคัญ คือ เราจะช่วยพวกเขาได้อย่างไร???

=============================
ประเด็นที่ fanny ไฮไลท์ ที่คุณเพียงดินเขียน ตรงนี้เป็นประเด็นที่น่าสนใจมากค่ะ..

คือ คน (อย่าง fanny) ที่ยังติดโกรธอยู่กับประเด็นความไม่เป็นธรรมที่ชนชั้นนำกระทำต่อคนรากหญ้า ก็ให้ใช้ประเด็นที่ว่า "คนพวกนี้คือคนที่อ่อนแอ และยังคิดไม่ได้ และเราควรใช้เมตตาจิตเข้าไปช่วยเหลือ"

fanny เข้าใจแล้ว และจะพยายามทำใจให้เป็นแบบนั้น เพื่อลดความโกรธในใจ

fanny ว่า คนรากหญ้าเป็นคนสไตล์ "พูดง่าย ไม่เรื่องมาก" คงจะร่วมมือกันทำได้
แต่ อย่างไรก็ตาม พวกคนรากหญ้าจะทำแต่ฝ่ายเดียวก็คงไม่สำเร็จ หวังว่าคนชั้นนำ คงจะลดความเป็นตัวตน และทิฐิลง และมอบความเป็นธรรมให้กับคนรากหญ้าเพื่อสร้างความสมานฉันท์ในสังคม..

fanny ว่า คนรากหญ้าไม่ได้ต้องการ และเรียกร้องอะไรที่มันเกินจริง หรือ เว่อร์ เลย...
เพียงขอความเป็นธรรม ขอที่ยืนอย่างเท่าเทียมในสังคม และให้มีศักดิ์ศรีความเป็นมุษย์เท่านั้น

หวังอย่างยิ่งว่า บทความนี้จะเป็น จุดเริ่มต้นของความสมานฉันท์ ที่แท้จริง
Posted by Jaiseree at 6:58 AM

เรื่องด่วนที่ต้องคิดและทำ: เมื่อฝนตกขี้หมูไหล แล้วคนจัญไรมาสมคบกันทำลายประชาธิปไตย

Monday, March 16, 2009
เรื่องด่วนที่ต้องคิดและทำ: เมื่อฝนตกขี้หมูไหล แล้วคนจัญไรมาสมคบกันทำลายประชาธิปไตย
โพสต์โดย : piangdin
ID # 765177 - โพสต์เมื่อ : 2008-12-27 12:03:46 _ แจ้งลบข้อความ


ฝนตกขี้หมูไหล คนจัญไรมาพบกัน

รู้สึกท่านทักษิณจะยกขึ้นมาพูดอธิบายปรากฎการณ์ก่อนรัฐประหารนะครับ
เอ... หรือท่านสมัคร ช่วงที่ยังจัดรายการ สมัยท่านทักษิณเป็นนายกฯ
ซึ่งตอนหลัง คุณจักรภพ ก็นำมากล่าวถึงบ่อย ๆ

ถือเป็นการเปรียบเปรยที่ตรงที่สุด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทยที่ลามมาถึงวันนี้นั้น
มันทำกันเป็นกระบวนการ เกิดจากการมารวมตัวกันโดยนัดหมาย ของเหล่าผู้เสียประโยชน์
และเสียสิ่งอื่น ๆ (ยศศักดิ์ หน้าตา รวมอยู่ด้วย) ในช่วงที่รัฐบาลทักษิณบริหารอยู่

การเปรียบเทียบนี้ ให้ข้อเตือนใจว่า ปัญหาการเมืองไทยเรานี้ มันมีหลายตัวละคร เสือ
สิงห์ กระทิง แรด นักการเมืองกระสือและเปรต อันธพาล คนตอแหล และเทวดาท่าจะเจ๊ง
การจะโทษใครคนใดคนหนึ่งและมุ่งไปที่จุดเดียวนั้น ย่อมแก้ปัญหาได้ไม่หมด

อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ ดูเหมือนว่า หอกจะพุ่งตรงไปที่ตัวละครที่เด่น ๆ ที่สุดในละครบท
ล่าสุด คือ
สถาบันฯ ซึงคนเชื่อกันว่า ลดองค์ลงมาเกลือกกลั้วขี้หมูเอง แถมผลิตพระอุจจาระ
ของตัวเองไปผสมด้วย ก็เลยถูกเพ่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ส่วนอีกหนึ่งที่ต้องถูกโจมตีอย่าง
หนักขณะนี้คือ พรรคประชาธิปัตย์ และด้วยสันดานและพฤติกรรมไม่เข้าท่าของพรรคนี้ จึง
ไม่ต้องอธิบายความซ้ำว่าทำไม คนจึงเกลียดชังพรรคนี้

การตามล้างตามเช็ดขี้และอุจจาระข้างบนนี้ ทำได้ไม่ง่าย เพราะอำนาจอยู่ในมือพวกเขา
เสียเกือบสิ้น ทั้งศาลเพียงตีนและกลุ่มองค์กรทำตามอิสระได้ดังใจไม่ต้องดูกฎหมายและความ
ชอบธรรม ล้วนอยู่ในอาณัติหรือเป็นพันธมิตรกับสองกลุ่มที่เป็นเวรเป็นกรรมกับประชาธิปไตย
นี้สิ้น

แต่เราอย่าหลงจ้องแค่สองตัวการสำคัญนะครับ พี่น้อง

การจะล้างคอกขี้หมูและสิ้งโสโครกของประชาธิปไตยนั้น ต้องทำทั้งทางโครงสร้างและส่วน
ย่อยทั้งหมด

ส่วนการเคลื่อนไหวของเรา ในแง่โครงสร้าง
นั้น ต้องบีบให้มีการแก้รัฐธรรมนูญและจัดการให้กฎหมายบ้านเมืองศักดิ์สิทธิ์
อีกครั้งหนึ่งให้ได้ การแก้รัฐธรรมนูญ น่าจะเป็นเรื่องที่ต้องทำให้ได้ ชัยชนะใด ๆ ที่ได้มา
ในระยะใกล้นี้ หากไม่ได้แก้รัฐธรรมนูญ แล้วปิดส่วนที่ก่อปัญหา แล้วเติมส่วนที่จะป้องกัน
การทำร้ายประชาธิปไตยเสียให้เด็ดขาดแล้ว ชัยชนะใด ๆ ก็เป็นได้แค่เพียงการเรอชั่วครั้ง
ชั่วคราวหลังอาหาร ไม่ได้มีผลถาวรใด ๆ ขณะเดียวกัน การกำหนดบทบาทของสถาบันฯ
ซึ่งกลายเป็นศูนย์กลางของปัญหานั้น ก็ต้องทำให้ได้ มิเช่นนั้น ก็เหมือนข้อผิดพลาด
ที่เกิดขึ้นเมื่อ 2475 นั่นเอง วงจรปัญหามันจะไม่ได้รับการแก้ไข

ขณะเดียวกัน เราก็ต้องจัดการกับ
รายละเอียดย่อย ๆ
ให้เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตยด้วย

คมช.
อยู่ไหน ไหนว่า เป็นกบถ ฯลฯ ไหนว่าพวกเขาทำร้ายบ้านเมืองให้เสียหาย เอามาจัดการเสีย


พันธมิตรฯ
ที่ไม่เป็นมิตรกับประชาธิปไตย ทำผิดชั่วมากมาย เอามาจัดการให้ได้ อย่าให้เป็น
เยี่ยงอย่าง ส่วนจะสางถึงไหน ก็ต้องสางไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ที่สำคัญ อย่า
ให้อ้ายพวกนี้ ออกมาซ่าได้อีก ใช้ใครได้ก็ต้องใช้ทั้งทางลับและแจ้ง เพื่อกำจัดตัวมอด
เหล่านี้ให้เด็ดขาด นี่สนธิก็ออกมาแฮ่ม ๆ ตามสันดานเดิมใส่ประชาธิปัตย์อีกละ


นักการเมือง
ที่ทำตัวหลากหลายในช่วงบ้านเมืองย่ำแย่ ก็คงต้องนำออกมาเรียงตัวตัดสิน
ใครทรยศประชาชน ต้องมีมาตรการจัดการให้เด็ดขาด


พวกองค์กรอิสระผิดกฎหมายทั้งหลาย
ที่ท่านสมัคร คุณวีระและคณะฯ ได้หมายหัวเอาไว้
ต้องถูกดำเนินการทางกฎหมาย เงินเดือนที่เอาไปผิด ก็ต้องเรียกคืน

นอกจากนี้ ยังมี
กลุ่มอื่น ๆ ที่มีส่วนทำให้บ้านเมืองย่ำแย่
รวมถึงพ่อค้า นักธุรกิจ ตำรวจ ทหารทั้งหลาย

และใครที่สนับสนุนเบื้องหลัง ก็ต้องดึง
ออกมาสั่งสอนเสียให้เข็ดหลาบด้วยวิธีที่เป็นไปได้
อย่างกรณีการถอนเงินจากธนาคารกรุงเทพฯ เป็นต้น ฯ
หรืออย่างกรณีทหาร ก็ต้องเอาแรงบีบจากนอกประเทศเข้ามาช่วย

ที่สำคัญ ตอนนี้เราคงต้องจับตาดูกลโกง ที่พวกที่ได้อำนาจใหม่ ๆ จะพยายามใช้ เพื่อดูดทรัพย์
เตรียมไว้เพื่อสู้ทางการเมืองในอนาคต ใครโกง ใครส่อแวว เราต้องดักทางเสียให้ครบ

ไหนจะมีเรื่อง
สื่อ
อีก... ตอนนี้ทำอะไรได้ ต่อไปต้องทำอะไร


สรุปที่ผมยกอะไรมาเปรอะไปหมดนี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่า ฝนตกใส่ประเทศไทยครั้งนี้ นานกว่า
สองปีแล้วนี้นั้น ขี้หมูและอุจจาระที่มาปนกันนั้น มันมาจากหลายแหล่ง และก็เปรอะไปทั่ว
การจะชำระล้าง ต้องทำจากหลายมุม และต้องอาศัยเครื่องมือหลายประเภท และคนหลายคน
เราทำอะไรกันหลายอย่างอยู่แล้ว แต่มันไม่พอ ไม่ประสาน และไม่ได้ผลชัดเจน


คำถามที่ต้องถามต่อก็คือ คนสีแดงทุกวิชาชีพ พรรคเพื่อไทย และนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย
ต้องทำอะไรกันบ้าง ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว อันไหนมาก่อนมาหลัง
ใครทำ และจะมีการจัดองค์กร ประสานงานกันอย่างไร ใครเป็นหัวเป็นหาง
และจะกระจายความเข้าใจและขยายมวลชนอย่างไรบ้าง
เหล่านี้เป็นรายละเอียดที่ฝ่ายสีแดงยังขาดอยู่มาก


การรวมตัวกันของกลุ่มต่าง ๆ นี้ น่าชื่นชม แต่ก็ยังหลวมอยู่มาก
และความเห็นและเป้าหมายก็ต่างกันอยู่พอสมควร บางคนอยากรวมกลุ่ม บางคนอยากเป็นเอกเทศ
ซึ่งไม่ผิด เพราะเรามีหลายเป้าต้องดำเนินการ แต่เราจะขาดภาพรวมและแผนการณ์
ที่ชัดเจน สอดคล้อง และเฉียบคมอีกต่อไปไม่ได้แล้ว ฝ่ายประชาธิปไตยต้องเร่งมือ
มองภาพกว้าง ภาพย่อยให้ชัด จัดองค์กรและแจกงานให้เรียบร้อย
งานนี้ไม่ใช่ง่ายครับ คุณวีระและคณะฯ จัดคนไปชุมนุมนั้น ดีแล้วครับ แต่ไม่พอหรอกครับ
ยังห่างไกลจากสิ่งที่ต้องทำอย่างมาก

อย่าให้มัน too little, too late ไปนะครับ

แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2008-12-27 13:49:38




โพสต์โดย : Khun Pet
ID # 1489134 - โพสต์เมื่อ : 2008-12-27 12:08:41 _ แจ้งลบข้อความ


ดังนั้นวันอาทิตย์28นี้
พวกเรารากหญ้าจงออกไปสนามหลวงเพื่อแสดงพลังประชาธิปไตย

FIGHT FOR JUSTICE
FIGHT FOR TRUE DEMOCRACY
KEEP FIGHTING..





โพสต์โดย : piangdin
ID # 1489145 - โพสต์เมื่อ : 2008-12-27 12:13:04 _ แจ้งลบข้อความ


ครับ ท่านKhun Pet
นี่เป็นหนึ่งอย่างที่ต้องทำให้ได้ดีด้วย

ขอให้สำเร็จนะครับ




โพสต์โดย : แตแต้แว๊ด (บุคคลนิรนาม)
IP :
ID # 1489158 - โพสต์เมื่อ : 2008-12-27 12:26:56 _ แจ้งลบข้อความ


สวัสดีอีกครั้งครับพี่เพียงดิน
ผมมองว่า ที่สำคัญที่สุด คงหนีไม่พ้นเรื่องการแก้ไข รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย โดยเฉพาะ ( สำคัญที่สุด ) คือ ที่มาของอำนาจตุลาการ

หากอำนาจนี้ไม่ได้มาจากประชาชน ความเป็น " ธรรม " ของคนเสื้อแดงคงไม่ได้เห็นแน่

อำนาจนี้เป็นหนึ่งในสามอำนาจ " หลัก "
อำนาจนี้ ชี้ผิด ชี้ถูก ชี้เป็น ชี้ตาย พร้อมจะทำลาย หรือบังคับให้ทุกฝ่ายยอมสยบ ไม่เว้นแม้แต่ฝ่ายเดียวกันที่คิดจะตีจาก บีบบังคับใช้กฎหมายไปในทิศทางที่ตนต้องการ ( คือ ไม่มีใครอยากติดคุก )

เปรียบเหมือนการเปิดประตูไปเข้าไปในบ้าน
เมื่อเข้าไปในบ้านได้แล้ว เราถึงจะเอาของไปเก็บให้เป็นระบบระเบียบ
อะไรที่มันรก ก็เอาไปทิ้ง ปัดกวาดเช็ดถู ง่ายขึ้น




โพสต์โดย : piangdin
ID # 1489179 - โพสต์เมื่อ : 2008-12-27 12:34:57 _ แจ้งลบข้อความ


เห็นด้วยครับ น้องแตแต้แว๊ด
แต่งานนี้ไม่ง่ายเสียแล้ว เพราะประชาธิปัตย์กุมอำนาจอยู่
แถมพันธมิตรและกลุ่มที่ถือเชือกคอยชักหุ่นประชาธิปัตย์อยู่มันก็ยอมไม่ได้

งานนี้จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อ มีคำสั่งจากบนฟ้าลงมา ว่าให้ทำได้เท่าน้้น

พอให้ทำได้แล้ว ก็ยังต้องมีปัญหาอีกว่า ทำได้แค่ไหน กระเทือนใครแค่ไหน

หากใครบางคนไม่ยอมเสียสละ งานนี้ก็คงต้องถึงทางตันกันอีก ต้องยืดเยื้อ
อาจจะถึงเสียเลือดเนื้อกันยกใหญ่

การจะแก้ได้ ก็คงได้แค่บางเรื่อง เมืองไทยเรานี้ เรื่องประณีประนอม เพื่อ
ไม่ให้ได้ผลสุงสุดนั้น กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว!




โพสต์โดย : แตแต้แว๊ด
ID # 1489217 - โพสต์เมื่อ : 2008-12-27 12:57:59 _ แจ้งลบข้อความ



การจะแก้ได้ ก็คงได้แค่บางเรื่อง เมืองไทยเรานี้ เรื่องประณีประนอม เพื่อ
ไม่ให้ได้ผลสุงสุดนั้น กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว!


อันนี้ผมเข้าใจดีครับ
คิดว่ายังไงๆ ก็ได้แก้
แต่ประเด็นที่สำคัญที่สุดที่เสื้อแดงต้องช่วยๆกัน
ก็เรื่องที่มาของอำนาจตุลาการนี่แหละ
ส่วนเรื่องปลีกย่อย ไว้ค่อยว่ากันทีหลังก็ได้


และส่วนรองลงมานั้น ต้องเปิดให้ " ง่าย " ต่อการแก้ครั้งต่อไป
คงต้องค่อยๆ ดึงอำนาจกลับ ที่ละน้อย ( คือถ้าดึงกลับทั้งหมด ฝ่ายโน้นคงไม่ยอมแน่นอน )

แต่ก็อีกนั่นแหละ ปัญหายังติดอยู่เรื่องของ x power

ผมมีเรื่องจริงที่จะเล่าให้ฟัง ที่ต้องเล่าเพราะอธิบายไม่ถูก

ตอนสมัยเป็นนักเรียน ถูกจับได้ว่าแอบกินขนม
ครูเรียกมา จะลงโทษ ผมก็ต้องแก้ตัว ( เถียง ว่างั้น )
ครูแกไม่เสียเวลาให้ผมแก้ตัว ยื่นคำขาด ว่าเอา ตีสามที หรือจะเอาตีหกที
สรุป ผมก็ต้องเลือกสามที ตูดบวมไป

ฝ่ายแดงคงต้องมีข้อได้เปรียบในการยื่น ประมาณนั้นนะ

ในอินเดีย คานธีใช้เรื่องภาษีเกลือ

ในประเทศนี้ ผมมองว่าเรื่องของ " ข้าว " กับ " ชาวนาฝั่งแดง "

เป็นเรื่องที่น่าจะนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการต่อรอง ด้วยวิธีอหิงสา

แต่ จนด้วยเกล้าจริงๆ ว่าจะเล่นยังไง ชาวนาบ้านเรารวมตัวกันไม่ติด

สหกรณ์บ้านเรา ไม่เข้มแข็ง

ยกตัวอย่างว่า ถ้า50%ของประชากรชาวนา ประกาศ ( แค่ประกาศ ) ว่าจะงดปลูกข้าว ส่วนหนี้ ก็จะอริยขัดขืน ไม่ม่ ไม่หนี ไม่จ่าย

หุหุ ประเทศนี้ โลกนี้ คงหนุกหนานน่าดู ว่ามะพี่ เอิ๊กๆๆๆ










โพสต์โดย : lovebird
ID # 1489242 - โพสต์เมื่อ : 2008-12-27 13:06:40 _ แจ้งลบข้อความ


ผมอาจจะ คิดทาง Negative ไปก็ได้ ว่า
เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง คงจะไม้พ้น \"People Revolution\" แน่นอน.........




โพสต์โดย : piangdin
ID # 1489243 - โพสต์เมื่อ : 2008-12-27 13:07:19 _ แจ้งลบข้อความ


เราเห็นตรงกันอีกแล้วครับ น้อง ตตว.พลังของประชาชนนั้น เป็นคำตอบสุดท้ายที่สุดยอด
แต่ปัญหา คือ เรารวมกันไม่ติดมากพอครับ
ผมพูดถึงจุดอ่อนของฝ่ายสีแดงไว้คร่าว ๆ
ข้อหนึ่ง คือ คนไทยไม่ใช่พวกที่ชอบใส่ใจเรื่องที่นอกจากชีวิตส่วนตัว
ยิ่งพวกชาวไร่ชาวนา พวกเขาแค่เอาตัวรอดก็แทบไม่มีเวลาแล้ว

แต่เห็นด้วยเลยว่า เราต้อง empower พวกเขา
เมื่อพวกเขาเห็นเล่ห์สนกลนัยแล้ว พวกเขาจึงจะดำเนินการทางการเมือง
อย่างเข้มแข็ง และเมื่อพวกเขารู้สิทธิหน้าที่และวิธีการต่อรองแล้ว
เมื่อนั้น พวกเขาจะมีพลังที่ใครก็หยุดยาก แต่วันนี้ ผมยังคิดว่าพวกเขา
ไม่พร้อมครับ ยกเว้นเราจะไปช่วยประสานและจัดตั้งเพื่อเร่งปฏิกิริยา

เรื่องแก้รัฐธรรมนูญนี้ หากอภิสิทธิ์ฉลาดจริง อยากทำดีไถ่บาป
เขาควรจะคิดได้และทำสิ่งที่ต้องทำให้กับประเทศชาติ

นักการเมืองเองนั่นแหละ จะเจอะปัญหากับการเมืองที่ไร้หลักการอย่าง
ที่เป็นอยู่ขณะนี้





โพสต์โดย : piangdin
ID # 1489252 - โพสต์เมื่อ : 2008-12-27 13:09:59 _ แจ้งลบข้อความ


สวัสดีครับ คุณlovebird
หากเกิด People Revolution จริง ก็จะได้เห็นบ้านเมืองเริ่มต้นใหม่เสียที
ไม่เลวหรอกครับ แม้จะต้องสูญเสียและต้องใช้เวลาตั้งตัวนิดหน่อย

แต่เมืองไทย ยังไงก็คงออกมาในแนวประณีประนอมแน่ ๆ
เพียงแต่ว่า เราจะทำยังไงให้สร้างโครงสร้างที่เข้มแข็ง และเก็บรายละเอียดให้
ชัดและสอดคล้องที่สุด






โพสต์โดย : hojun
ID # 1489260 - โพสต์เมื่อ : 2008-12-27 13:15:39 _ แจ้งลบข้อความ


อยากให้ฝ่ายประชาธิปไตยเปิดโอกาสเวทีให้คนมีความรู้ได้มีโอกาสได้แสดงความคิดเห็นเพราะดูๆๆๆแล้วตอนนี้พวกเราไม่ว่าจะจากทางเน็ตหรือทางวิทยุชุมชนคนแท๊กซีจะพบมีคนมีความรู้และประสบการณ์มากมาย อยากให้ช่วยกันๆๆๆๆกันต่อๆๆๆไปค่ะ




โพสต์โดย : แตแต้แว๊ด
ID # 1489267 - โพสต์เมื่อ : 2008-12-27 13:18:30 _ แจ้งลบข้อความ


คุณชูพงษ์ แกเคยพูดถึงสหกรณ์อยู่นะครับ

เอาการเมืองไปบอกชาวบ้าน ต่างก็ส่ายหัว

ถ้าพูดเรื่องของ ผลประโยชน์ การเสียเปรียบ ถูกกดขี่เอารัดเอาเปรียบ

จะดูดีกว่า ( ที่แท้มันก็คือการเมือง )


เราจะไปช่วยประสานและจัดตั้งเพื่อเร่งปฏิกิริยา


อันนี้แหละครับพี่ " สถาบันคนเสื้อแดง " จะมีบทบาทสูงทีเดียว

ผมตื่นเต้นมาก ที่ได้ฟังแกนนำประกาศบนเวที

เผลอๆ ( ไม่เผลอดีก่า ) สถาบันนี้ จะพัฒนาไปเป็นระบบพรรคการเมือง

เชื่ออย่างบริสุทธิใจว่า " สีแดง จะไม่มีวันแพ้ครับ "

เวลา อยู่ฝั่งเรา





โพสต์โดย : piangdin
ID # 1489285 - โพสต์เมื่อ : 2008-12-27 13:27:44 _ แจ้งลบข้อความ


ขณะนี้ ผมกำลังฟังเสียงจากวิทยุชุมชนคนรู้ใจของ อ. ชูพงศ์
ก็ได้คิดอีกว่า คนไทยเรานี้ จะให้ทำงานร่วมกันเพื่อเป้าหมายร่วมกันนั้น
ไม่ใช่เรื่องง่าย คนไทยเราปากพล่อย เลยทะเลาะกันง่าย แถมอัตตาจะสูง
กันแทบทั้งนั้น ยิ่งมีผลประโยชน์มาปนด้วย ก็ยิ่งยุ่งเหยิง
สิ่งเหล่านี้ เป็นอุปสรรคสำคัญประการหนึ่ง

แต่นี่เป็นเรื่องปกติ คนหลายคนก็หลายจิตหลายใจ หลายแนวทาง
ถือเป็นสิ่งท้าทาย มากกว่าปัญหา

การเดินไปข้างหน้าในระดับยิ่งใหญ่นี้ ต้องอาศัยการจัดองค์กรที่ชัดเจน
มีเป้าหมาย ภารกิจ ผู้ปฎิบัติงาน ฯลฟน ชัดเจน มิเช่นนั้น ก็จะกลายเป็นว่า
แย่งกันคิด แย่งกันพูด แย่งกันทำบ้าง จนเอาไปเอามา ก็ทำให้ภาพการ
ทำงานร่วมกันมันเสียไป แล้วก็อาจจะเลยเถิดเป็นการขัดกัน จนถึงขั้นที่
งานใหญ่ที่ซับซ้อนมันสำเร็จไม่ได้หรือสำเร็จไม่ได้เท่าที่ควรจะเป็น

ตอนนี้ แกนนำสีแดงมันไม่ชัด มันหลากหลาย แต่ขาดการประสานงานที่ดี
อ้อ ต้องบอกนิดหนึ่งว่า สไตล์อาจารย์ชูพงศ์นั้น มีข้อเสียตรงที่อาจารย์
เอาตัวตนและความคิดส่วนตนมาเป็นประเด็นมากเกินไป แต่อาจารย์มอง
อะไรน่าสนใจและเป็นประโยชน์ ฟังมาตั้งแต่สมัยรัฐประหารใหม่ ๆ
ก็เห็นว่า อาจารย์เขาคงออกหน้าไม่ได้ แสดงเป็นผู้ให้ข้อมูลให้ข้อคิดน่ะดีแล้ว
เพราะสไตล์การแสดงออกมันไม่ได้

ดังนั้น สิ่งท้าทายหลักของฝ่ายสีแดงก็คือ ทำยังไงจะทำให้แกนนำกลุ่มต่าง ๆ ทำงานด้วยกัน
เสริมความคิดกันด้วยความแตกต่างที่งดงาม สาเหตุก็คือ การจัดตั้งมันไม่ชัด
ความสัมพันธ์มันไม่ชัด ดังนั้น การประสานความคิดและการกระทำมันก็
เลยไม่เป็นโล้เป็นพายเท่าที่ควร

คุณวีระและคณะฯ นั้น เขาแตะปัญหาในแนวการเมือง ไม่ใช่เชิงโครงสร้างเหมือนอ. ชูพงศ์
นี่เรายังไม่นับอีกหลายคณะฯ นะครับ
ก้อให้ถือว่าเป็นการบ้านของแกนนำประชาชนสีแดงที่ต้องคิดต่อไป

วันนี้ผมขอตัวก่อนนะครับ ต้องเข้านอนแล้วครับ มีงานต้องสะสางหลายอย่าง

แล้วจะกลับมาอ่านนะครับ



แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2008-12-27 13:30:54




โพสต์โดย : Belove
ID # 1489301 - โพสต์เมื่อ : 2008-12-27 13:37:05 _ แจ้งลบข้อความ


กระทู้คุณภาพอีกแล้วค่ะคุณเพียงดิน
ทำไงให้กระทู้แบบนี้อยู่นานๆ
ไม่โดนไล่ไปอยู่หน้า 2-3-4
ซึ่งตามหาอ่านได้ยาก

อยากให้หลายๆคนเข้ามา
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันค่ะ
แม้แต่ความคิดเห็นต่างด้วยนะคะ




โพสต์โดย : ชอลิ้วเฮียง
ID # 1489321 - โพสต์เมื่อ : 2008-12-27 13:45:38 _ แจ้งลบข้อความ


ผมทราบแต่ว่า...พวกเราใกล้ที่จะมี

ประชาธิปไตย..ที่สร้างจาก ปชช.โดยสมบรูณ์แล้ว

ในระยะวลาอันใกล้ๆนี้.....

หลังจากที่..โดนโจร..ทำเนียนเป็นอีแอบ อุบเอาไว้ ซ่ะนานเชียว

...แต่ก็อย่างว่า ความลับย่อมไม่มีในโลก..

ความจริงต้ิองเป็นความจริงวันยันค่ำ....

(จริงม่ะ...สูๆ อำมาตย์...ทั้งหลาย)

วันใดที่สิ้นเขา..วันนั้นคือวันโลงแตก..




โพสต์โดย : แตแต้แว๊ด
ID # 1489375 - โพสต์เมื่อ : 2008-12-27 14:07:09 _ แจ้งลบข้อความ


คงต้องมีองค์กรหัวหอก ทำหน้าที่

1 สร้างกลุ่ม ก้อน ที่ไม่เคยมี ไม่เคยเกิดขึ้น ให้มีขึ้น ให้เกิดขึ้น

2 ช่วยสานผลประโยชน์ ของกลุ่มก้อนที่พึ่งเกิดขึ้น ให้บรรลุเป้าหมายของกลุ่ม ก้อน แล้วจากไป แต่ยังคงเกาะกันหลวมๆ ตอนนี้ กลุ่มใหม่ ก้อนใหม่ เมื่อเขาเดินเป็นแล้ว ต่อไปเขาก็รู้จักเรียกร้องเอา

องค์กรหัวหอกได้พวก ได้พันธมิตร พร้อมที่จะคอยช่วยประสานงานกลุ่ม ก้อนนี้ ในครั้งต่อไป

3 ช่วยประคับประคอง กลุ่มก้อน ที่มีอยู่แล้ว แต่กำลังจะแตกแยก ให้ประสานรอยร้าว ประสานผลประโยชน์ ช่วยเหลือให้เขาได้ในสิ่งประสงค์ที่เขาเรียกร้อง

4 กลุ่มก้อนที่แตกแยกออกไป ถ้าพร้อมจะเริ่มกลุ่มใหม่ ก็กลับไปที่ข้อ 1


5 ช่วยประสาน เพิ่มประสิทธิภาพ แก่กลุ่มก้อน องค์กรที่มีอยู่แล้ว ให้เข้มแข็ง โดยเฉพาเรื่องของ ฝ่ายกฎหมาย หรือ ทนาย

6 เมื่อพันธมิตรมีเพิ่มมากขึ้น องค์กรหัวหอก มีหน้าที่คอยเชื่อมประสานทุกๆกลุ่มก้อน องค์กร ให้ข่าวสาร

สุดท้าย ผลประโยชน์หลักของทุกกลุ่ม ก้อน องค์กร ก็หนีไม่พ้นเรื่อง ประชาธิปไตย ( การจัดสรรอำนาจ และทรัพยากรที่เป็นธรรม )

การยื่นเรื่องเข้าสภา ไม่ว่าจะเป็นแก้ไขกฎหมาย คัดค้าน เสนอยกเลิก มันก็จะมีพลัง สามัคkey คือ พลัง

ทุกกลุ่มก้อน องค์กร เกาะกันหลวมๆ แต่จะรวมกันแน่น เมื่อผลประโยชน์ของคนทั้งชาติ ( จัดสรรอำนาจและสัพยากร โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ )

การทะเลาะกันระหว่างสมาชิกในกลุ่ม เป็นเรื่องธรรมดา แตกแล้วเกิดใหม่ เกิดใหม่แล้วแตก เรื่องของมุ้ง เป็นเรื่องธรรมดา

อาจใช้เวลาบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับครับว่า เราเพิ่งเริ่มจริงๆ

องค์กรหัวหอก ที่มีศักยภาพที่สุด ณ เวลานี้ คงต้องเป็น \" สถาบันคนเสื้อแดง \"



เพลงหยดน้ำเจ้าพระยา

คำร้อง ศิริพงศ์ จันทรหอม
ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน


จากหยดน้ำหยดน้อยหลายร้อยหยด
รวมกันหมดเป็นมหาชลาศัย
จากปิง วัง ยม น่าน ผ่านมาไกล
แล้วรวมไหลกันเข้าเป็นเจ้าพระยา

หลับฝันดีนะครับพี่เพียงดิน

พรุ่งนี้คอยเป็นกำลังใจให้ผม และพี่น้องเรา \"คนหัวใจสีแดง\" ที่หนามหลวง






โพสต์โดย : piangdin
ID # 1489409 - โพสต์เมื่อ : 2008-12-27 14:14:47 _ แจ้งลบข้อความ


สวัสดีครับ คุณBelove คุณชายชอฯ
ขอบคุณที่แวะมาร่วมเสวนาครับ

น้อง ตตว. ช่วยคิดต่อยอดได้วิเศษจริง ๆ ครับ
เรียกว่าเอาไปปฏิบัติได้เลยทีเดียว
ขอให้พลังคนสนามหลวงจงยิ่งใหญ่ มั่นคง และสร้างสรรค์สมที่หวังนะครับ

ขอตัวไปนอนแล้วจริง ๆ ครับ





โพสต์โดย : แสนดี
ID # 1489434 - โพสต์เมื่อ : 2008-12-27 14:26:21 _ แจ้งลบข้อความ


อาทิตย์นี้ 28 ธันวาคม 2551
ขอเชิญที่
สนามหลวง





โพสต์โดย : nongbow
ID # 1489570 - โพสต์เมื่อ : 2008-12-27 15:28:52 _ แจ้งลบข้อความ


ปีใหม่นี้ทุคนไปไหนกันบ้างคะ ?




โพสต์โดย : แตแต้แว๊ด
ID # 1489621 - โพสต์เมื่อ : 2008-12-27 15:51:40 _ แจ้งลบข้อความ


ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก

ผีหลอก!!!




โพสต์โดย : Belove
ID # 1489622 - โพสต์เมื่อ : 2008-12-27 15:51:52 _ แจ้งลบข้อความ


ถึงแม้มันฟังดูแล้วยากเหลือเกิน
แต่หากพวกเราทุกคนพยายามฟันฝ่า
คิดว่าสักวันต้องได้รับชัยชนะแน่
จะรอวันนั้นค่ะ
และจะอยู่สู้ต่อไปด้วยกัน
ตามแนวทางที่คิดว่าตัวเองถนัด




โพสต์โดย : piangdin
ID # 1489880 - โพสต์เมื่อ : 2008-12-27 17:58:16 _ แจ้งลบข้อความ


น้อง ตตว. ทำเอาผมขำแต่เช้าเลย
ผมก็นึกว่ากระทู้ไมมีคนเข้ามาอ่านต่อ วังเวงจนผีหลอก...
ขณะที่กำลังงงอยู่นั้น ก็เหลือบตาขึ้นไปดูชื่อคนตอบกระทู้ข้างบน
เห็นชื่อ น้องโบว์
พร้อมเสียงสุนัขหอนแบบในหนังผีไทยก็ดังขึ้นในโสตสำนึก
โบ๋ววววว โบ๋วววววววววว

โถ nongbow ชื่อนี้อาจจะอ่านว่า หนองโบ โคนมแท้ ๆ (แต่อ่านออกเสียงผิด
เสียง พ เป็น บ ไง);-)

คุณแสนดีและคุณ Belove ครับ นับถือด้วยใจและขอเป็นกำลังใจให้ครับ
เรียกว่าเก่งทั้งหน้าจอและในสนามจริงเลยทีเดียว

ขอให้ปลอดภัยและมีความสุขพร้อมกับพี่น้องที่สนามหลวงทุก ๆ ท่านนะครับ


แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2008-12-27 17:59:12
Posted by Jaiseree at 11:25 AM